วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ซุบซิบดารา





สื่อกับสังคม



  • ทุกวันนี้ เรามีสื่อต่างๆ ให้เด็กและเยาวชนได้ดูได้สัมผัสกันมาก ไม่ว่าจะเป็นสื่อโทรทัศน์ สื่อวิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่ออินเตอร์เนท แต่เราเคยหันมามองดูกันหรือไม่ว่าสื่อต่างๆ ส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชนมากน้อยขนาดไหน เราอาจมองเห็นแต่ไม่ได้ฉุกคิด หรือคิดแต่ไม่ได้แสดงออก หรือไม่รู้จะจัดการกับสื่อเหล่านั้นอย่างไร



  • เราเคยคิดบ้างไหมว่า เวลาที่มีละครออกอากาศมีเรื่องราวฉากนางเอกถูกนางโกงตบตี ระดับมัธยมต้น ก็จะมีนักเรียนหญิงตบตีกันเป็นว่าเล่น บางเรื่องมีฉากนักเรียนชายตีกัน ก็จะมีเรื่องราวนักเรียนตีกันให้เห็นอยู่บ่อย ๆ แม้จะจัดการอย่างไรก็ยังมีให้เห็นอยู่ตลอด



  • เรารู้สึกบ้างไหมว่าคุณธรรมจริยธรรมของเด็กรุ่นไหม่มีปัญหา เด็กไม่มีสัมมาคารวะ เด็กไม่เคารพสิทธิของผู้อื่น เด็กไม่คิดถึงอนาคตของตัวเอง เด็กไม่รู้จักวิธีหาเงินโดยถูกต้อง เด็กชอบสายไม่อยากทำงานแต่อยากมีเงิน



  • เรารู้สึกบ้างไหมว่าเด็กเรามีปัญหาเลียนแบบญี่ปุ่น เด็กญี่ปุ่นก็มีปัญหา เรากำลังรับอารยธรรมตะวันตกโดยไม่คิด เด็กญี่ปุ่นจะมีแฟขั่นหลุดโลกตามแบบตะวันตกและยิ่งกว่าตะวันตก เด็กเราก็เอาตามยิ่งความประพฤติและการปฏิบัติตัวยิ่งไปกันใหญ่ในฐานะที่ทำงานเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนะ ดิฉันรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ เราพูดกันถึงสิทธิของเด็ก ว่าเราต้องคำนึงถึงสิทธิของเด็ก เด็กจะถูกจำกัดเวลาออกนอกบ้าน ก็จะมีการโวยกันว่าละเมิดสิทธิเด็ก แต่เราไม่เคยพูดกันถึงหน้าที่ของเด็ก ผมพูดอย่างนี้ก็จะมีคนว่าดิฉันหัวโบราณ ไม่ทันสมัย เรารับอารยธรรมที่เรียกว่าประชาธิปไตยมาแต่เรารับมาไม่หมด เรามักเลือกรับในสิ่งที่เป็นประโยชน์แต่ตัวเราแต่เลือกที่จะไม่สนใจประโยชน์สาธารณะ



  • นิสัยการดูโทรทัศน์ของเราก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผู้ปกครองต้องคิดค่ะเพราะว่าเรามักเลี้ยงลูกด้วยโทรทัศน์ พ่อแม่มักไม่ค่อยได้ดูโทรทัศน์กับลูกเพราะอาจจะต้องทำงานไม่มีเวลามาดู ถ้ามีเวลาดูก็จะดูละครโปรด ซึ่งก็จะมีเรื่องราววิถีชีวิตชาวบ้าน หรือวิถีชีวิตของคนเมือง หรือเป็นวิถีชีวิตของคนผู้สูงศักดิ์ จริงอยู่การดูละครคือการสะท้อนเรื่องราวชีวิตของผู้คน แต่ท่านดูละครแล้วเคยบอกลูกบ้างไหมว่าตัวอย่างที่เห็นในละครอมันไม่ดี ไม่ควรกระทำ ดิฉันคิดว่าเรามักไม่คุยกับลูกถึงเรื่องหล่านี้หรอก บางคนมีฐานะดีก็มีทีวีหลายเครื่อง ลูกมีทีวีในห้องนอนลูกก็ดูรายการที่ตนอยากดู แม่ก็ดูละครที่แม่อยากดู พ่อก็ดูฟุตบอลดูมวย ที่พ่ออยากดู การสื่อสารกันระหว่างพ่อแม่ลูกแทบจะไม่มีเลย ดิฉันว่าถึงเวลาที่ครอบครัวจะต้องปรับเรื่องพวกนี้ดูในสิ่งที่เป็นสาระบ้าง เวลาดูละครก็ควรสอนลูกบ้าง ถ้าไม่อยากสอนตรง ๆ ก็พูดเปรยๆ ให้ลูกรู้บ้างว่าสิ่งเหล่านี้มันไม่ควร
  • เราแก้ไขปัญญหาสังคมกันไม่หวาดไม่ไหวเพราะสื่อต่าง ๆ ไม่ยอมรับว่าสิ่งที่ตนสื่ออกมามีผลร้ายกับสังคม ไม่ยอมคิดแก้ไข คิดแต่จะเพิ่มยอดจำหน่าย พ่อแม่ก็อ้างว่าไม่มีเวลาดูแลลูกเพราะต้องทำมาหากิน หาเงินมาเลี้ยงลูก อยากให้ลองคิดในมุมกลับว่า หากเรามีแค่พอกินแก้วลูกเป็นเด็กดีครอบครัวก็มีความสุข กับเราต้องไปทำงานหาเงินมาเพื่อให้ครอบครัวกินดีอยู่ดีมีเงินทองเหมือนคนอื่นโดย "ไม่มีเวลาดูแลลูก" แล้วลูกมีปัญหาอย่างไหนจะคุ้มกว่ากัน เราคนเป็นพ่อเป็นแม่ คงต้องกลับมาคิดใหม่ทำใหม่ว่าเราเป็นผู้ใหญ่ทุกวันนี้เพราะพ่อแม่เลี้ยงดูเราอย่างไร เราถึงได้เป็นตัวเป็นตนมีครอบครัว แล้วเราเลี้ยงลูกเราอย่างที่พ่อแม่เลี้ยงเราหรือกำลังเลี้ยงให้ลูกเราเป็นเทวดา

แล้ว ท่านหล่ะ คิดอย่างไร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น