วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ปีใหม่ปีนี้ไปเที่ยว "ปาย" กันดีไหม

ปีใหม่ปีนี้ใครๆ ก็ชวนกันไปเที่ยว "ปาย" แต่เราไม่รู้หรอกว่า ปาย หน่ะสวยยังไง แต่เรามีหน้าที่ที่จะต้องกลับบ้านเรา เพราะพ่อแม่ปู่ย่า ตายาย เรารอคอยเรากลับบ้าน ญาติพี่น้องต้องรวมญาติ ปีละ สองครั้ง นั่นคือคำมั่นสัญญาของบ้านเรา คือปีใหม่ กะสงกรานต์ และลูกหลานจะต้องจดและจำว่าทุกๆๆ ปีเราจะต้องรวมญาติเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ตายาย พ่อแม่ ท่านจะได้มีกำลังใจรอลูกหลานกลับบ้านเรา
จริงไหม



และเป็นเวลาที่เราจะต้องให้กำลังใจกับปู่ย่าตายายที่อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร จะได้มีกำลังใจในการต่อสู้ต่อไป ส่วนพ่อแม่ของเราอยากได้บ้านใหม่ เราก็อยากได้นะ ทำบ้านชั้นเดียว แต่พ่อกะแม่ชอบบ้านสองชั้นเพราะคนโบราณเขาถือว่าบ้านสองชั้นแล้วจะต้องเป็นสองชั้น ห้ามลดชั้น เราคิดถึงตอนที่ท่านแก่หน่ะ จะเดินขึ้นลงบันไดยาก





บ้านนี้เป็นบ้านในฝันของเรา เลยนะ

แกงส้มมะรุม...เพื่อสุขภาพ

เครื่องปรุง
น้ำพริกแกงส้ม (ซื้อสำเร็จจ้า)
มะรุม ( เอามาลอกส่วนที่เป็นแข็งๆออก พี่ปูให้พี่ที่ขายเค้าทำให้ แหะๆไม่ค่อยจะเป็นเหมือนกัน )
ปลากระป๋อง กุ้ง ( ตรงนี้จะใส่อะไรก้อแล้วแต่สะดวกนะจ๊า )
ปรุงรสด้วย...น้ำมะขามเปียก น้ำตาลปีบ และน้ำปลาจ้า
ลงมือทำกันเล๊ย...
ละลายน้ำพริกแกงส้ม ลงในน้ำ ขั้นตอนนี้จะใส่น้ำไม่เยอะมาก พอเดือดค่อยเติมน้ำทีหลัง


เตรียมเครื่องให้พร้อม



น้ำแกงเดือดแว้ววววว..



ใส่มะรุมไปก่อนเล๊ย...มันสุกยากเหมือนกันนะนี่


ปรุงรส ด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำตาลปีบ น้ำปลา ชิมเอาตามใจฉัน
พอมะรุมสุกนิ่มแล้ว ใส่ กุ้ง กะ ปลากระป๋อง เป็นอันเสร็จจ้า











ทานให้อร่อยนะค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2552

แพทเทิร์นแพนด้าหัวโต แจกฟรี ๆ ค๊า



แพทเทิร์นตัวใหญ่ค่า
หัว
ขึ้น 15 โซ่
1. 13x,3x (ใต้ฐานโซ่เดียว), 12x, 2x (ใต้ฐานโซ่เดียว)
2. v,12x,3v (ในโซ่เดียว), 12x, 2v (ในโซ่เดียว)
3. v, 12x,(xv 3 ครั้ง), 12x,(xv 2 ครั้ง), x
4. 2xv,12x, (2xv 3 ครั้ง),12x, (2xv 2 ครั้ง)
5. x
6. v, 12x,(3xv 3 ครั้ง), 12x,(3xv 2 ครั้ง), 3x
7. x
8. x
9. 2xv, 12x,(4xv 3 ครั้ง), 12x,(2xv 2 ครั้ง), 2x
10. x
11. x
12. x
13. x
14. x
15. 4xa,12x,(4xa *3),12x,(4xa*2)
16. 3xa,12x,(3xa *3),12x,(3xa*2)
17. 2xa,12x,(2xa *3),12x,(2xa*2)
18. xa,12x,( xa *3),12x,( xa*2)
19. a,12x,3a,12x,2a
20. a

แขน
1. 6x
2. xv
3. 2xv
4-8. x

ขา
1. 6x
2. 6v
3. xv
4. x
5. 2xv
6. x
7.3xv
8. 4xv

หาง
1. 6x
2. 6v
3. x

ตัว
ขึ้น 13 โซ่
1. 11x,3x (ใต้ฐานโซ่เดียว), 10x, 2x (ใต้ฐานโซ่เดียว)
2. v,10x,3v (ในโซ่เดียว), 10x, 2v (ในโซ่เดียว)
3. v, x,3 T, 4F,3T,V,2Tในโซ่เดียว,3Fในโซ่เดียว,2Tในโซ่เดียว,12x,2Tในโซ่เดียว,3Fในโซ่เดียว,2Tในโซ่เดียว
4. 2T,2Tในโซ่เดียว,3 T, 4F ,3 T,2Tในโซ่เดียว,2T,v,2xv,18xv,2xv
5. v,(7xv *5), 7x
6-10. 54x
11. 7xa
12-14. 48x
15. 6xa
16-17. 42x
18. 5xa,7xa,4xa,5xa,5xa,4xa
19-20. x
21. 6xa
22. 30x

หู
1. 6x
2. 6v
3. x
4. x

วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2552

แพทเทิร์นตุ๊กตาหนูถัก แจกฟรีๆๆจ้า


ลองถักดูเวลาที่ลูกๆๆ หลับกันหน่ะ ว่าง ๆ รอสามีกลับบ้านไม่มีไรทำเลยนั่งถักตุ๊กตา งานอดิเรกที่ชอบมากๆๆ เลยหล่ะ หากอยากได้อะไรก็เมลล์มาถามนะจะส่งให้ทางเมลล์
เริ่มกันเลยน้า
หัว
1. 6X
2. 6V
3. XV
4. 2XV
5. 3 XV
6.-9. X
10. V (ถักมาถึงตรงนี้อย่าเพิ่งตกใจว่ามันเป้นจานบนนะจ้ะทำไปเรื่อยๆเดี๋ยวมันก็หุบเองจ้ะ)
11-12 X
13 A
14. X
15. 3xA
16. 2XA <-----ถักถึงตรงนี้ก็ยัดใยเลยนะคะแน่นๆหน่อยไม่งั้นแก้มไม่ป่องจ้า
17. XA <-----แก้ไขค่าแหะๆพิมพ์ผิดโทษจ้าตอนนี้ถูกล้ะนะ
18. A

หู
1. 6X
2. 6V
3. XV
4. X
5. X
6. X
7. XA
8. A
9. A

แขน
1. 6X
2. 6V
3.-6. X

ขา
1. 6X
2. 6V
3. 2XV
4.-7. X

จมูก(ถักแบบถุงปุ๋ยจ้ะ)
เริ่ม โซ่ 4
1. 8X
2. V X (4ครั้ง)


ตัว(ถักแบบถุงปุ๋ยจ้ะ)
เริ่ม 7โซ่
1. 16X
2. V5X(ซ้ำ 2 ครั้ง)
3. V2XV5X(ซ้ำ 2 ครั้ง)
4. XV3XV5X(ซ้ำ 2 ครั้ง)
5-13 X
14 .XA3XA5X(ซ้ำ 2 ครั้ง)

วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เป็นเพียงผู้หญิงเหว่ว้า




เป็นเพียงผู้หญิงเหว่ว้า
พเนจรมากับความฝัน


อยากติดปีกโบยบินไปในดวงจันทร์


ฝากฟากฝันไว้กับละอองดาว


เพื่อหนีห่างความรักความรู้สึก


ที่ฝังลึกเป็นรอยเจ็บให้เหน็บหนาว


ก่อนที่ใจจะไหวแยกหรือแตกร้าว


ฉันขอก้าวลงจากหลักความรักลวง


แม้บางที่จะเหว่ว้าหรืออ้างว้าง


บนเส้นทางไม่มีใครให้หวงห่วง


ฉันจะปล่อยน้ำตาให้ราร่วง


ดีกว่าหวงกักเก็บให้เจ็บใจ


จะอดทนต่อสู้ความรู้สึก


แม้ลึก ๆ จะหนาวสั่นหรือหวั่นไหว


อย่าเปล่าเปลี่ยวไปเลยน๊ะหัวใจ


ฉันจะก่อกองไฟให้ตัวเอง



เขาแหล่ะน้องสาวของฉัน


น้องอุ๊เป็นน้องสาวที่น่ารักนะเขาจะโดนเราแกล้งเสมอ ๆ ตอนเป็นเด็ก จำได้ว่า เวลากินข้าวเย็นเขาจะหลับ แต่ความสามารถพิเศษเขาก็กินไปด้วยในเวลาเดียวกัน และนั่นหล่ะคือที่มาของการโดนแกล้ง 555 เวลาแม่ป้อนข้าวเขาก็จะอ้าปากแล้วแม่ก็จะเอาข้าวใส่ปาก แล้ว เขาก็สามารถได้สบาย เราเห็นเราก็หมั่นใส้ดิ เราก็เอามือไปแตะ ๆ ปาก เขาก็อ้าปากกิน(เหมือนปกติ) และก็ไม่มีข้าวใส่ปาก เท่านั้นหล่ะ เป็นเรื่อง เลย เราจะชอบแกล้งน้อง เพราะอิจฉาน้องว่า พ่อแม่รักน้องมากกว่าเรา แต่พอโตและมีครอบครัวและมีลูก เราถึงได้รู้ว่า จริง ๆ แล้วไม่ใช่หรอก พ่อแม่รักเราเท่า ๆ กัน ตอนนั้น น้องเราอายุ 23 ปี กะประมาณ 5 เดือน เขาโทร.หาเราและบอกเราว่า ตอนอายุ 25 เขาจะต้องมีบ้านมีรถครบ และจะต้องมีบริษัทเป็นของตัวเอง แล้วเขาจะรู้หรือไม่ว่าหลังจากที่วางสายโทรศัพท์แล้ว พี่สาวคนนี้ต้องเอาตรีน ก่ายหน้าผาก เพราะอะไรหน่ะหรอ อีกไม่กี่ปีเขาจะต้องมี แล้วเขาจะทำอะไรจึงจะมีจะได้อย่างนั้นหล่ะ เราแทบบ้า อ่ะนะ


ปีใหม่ปีนี้เราจะกลับบ้าน แต่จะไม่มีน้องคนนี้กลับบ้านด้วย เราจำได้ว่า ตอนเรากลับบ้านสองคน เขาขับรถด้วยความเร็ว 140 กม./ชม. และก็ไม่เห็นไฟแดง เราแทบบ้า อ่ะ ถามว่า เห็นไฟแดงหรือเปล่า เขาบอกว่า ไม่เห็นอ่ะ ช่วยดูหน่อยดิ อย่าหลับ ระยะเวลากลับบ้านตั้ง 4-5 ชม. อะนะ เราก็หลับ เรายอมรับนะว่า น้องสาวเรา เขาเป็นคนที่ แกร่งจริง ๆๆ



เขาไม่ได้ไปไหนหรอก เขาแค่ไปอยู่ประเทศเดนมาร์ก อ่ะนะ เราทุกคนในบ้านคิดถึงเขามาก ๆ เลย อยากให้กลับบ้านไปกราบพ่อแม่ตอนวันปีใหม่ด้วยกัน แต่หากเขาไม่ว่าง ก็ไม่เป็นไร เอาไว้ว่างๆ ค่อยกลับมาเยี่ยมเมืองไทยก็แล้วกันนะ

พาเขามาด้วยนะ

วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2552

พาคุณยายเที่ยวมั่ง

ยายนงค์เป็นคุณแม่ที่น่ารัก เป็นคนที่ขี้ใจน้อย ชอบพูดเสมอ ๆ ว่า "ลูกรักพ่อมากกว่าแม่" แต่แม่ไม่รู้หรอกว่า ลูกก็รักแม่เท่า ๆ กับพ่อนั่นหล่ะ คุณนายนงค์ เป็นคนที่ชอบตื่นแต่เช้าเวลาไปหาหมอ ชอบตามใจหลาน ๆ ชอบตามใจลูกๆๆ แต่ก็ชอบน้อยใจสุด ๆ เลย แล้วคุณยายนงค์จะรู้ไหมว่า เราแอบบนินทา
วันนี้โทร.หาคุณนายนงค์ แล้ว บอกว่า กำลังย้อมผม บ้านยายหวัน เหอๆๆ อยากสวยในวันปีใหม่ หากไม่กลับบ้านปีใหม่แล้วคุณนายนงค์จะเสียใจไหมเนี่ย



คุณนายนงค์มักจะขี้บ่นเสมอ แต่ก็เงียบเวลาน้อยใจ และก็เงียบสุด ๆ เวลาโกรธ และไม่ถูกใจ ตั้งแต่จำความได้ คุณนายนงค์ไม่เคยทะเลาะกับพ่อให้เห็นเลย ตอนนี้เป็นโรคเบาหวาน กับความดัน เพราะเลี้ยงหลานคนโต บอกว่าหลานเลี้ยงยาก และหลานก็ซนสุด ๆ เลย ตอนนี้หลานไม่อยู่ด้วยตามจริงแล้ว คุณนายนงค์ ก็อยากให้หลานอยู่ด้วยแต่รอไปก่อน ถึง ป.6 ค่อยกลับไปอยู่ด้วยกันก็แล้วกันนะค่ะ

จุดชมวิว ที่พัทยา


ถ่ายกะหลานตัวแสบ 1

วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2552

พาแม่(สามี)เที่ยว


วันนี้เป็นวันที่เราทุกคนตื่นเต้นมากๆๆ เลยจะได้พาย่าไปเที่ยว โปรแกรมแรกไปเที่ยวเมืองจำลอง 555 และก็พาไปเที่ยวอัลคาซ่าร์ คาบาเร่พัทยา

ที่เมืองจำลองค่ะ


อัลคาซ่าร์คาบาเร่ พัทยา


ย่า น้องมีตังค์ กะพี่เพิร์ช

"น้องมีตังค์" ทำไมต้องตั้งชื่อนี้


"น้องมีตังค์" ทุกคนจะถามทันทีที่รู้ว่า ลูกของเราชื่อน้อง"มีตังค์ "  มันต้องมีที่มาสิ จริงไหมค่ะ

ชื่อน้องมีตังค์ เพราะว่าพ่อของเขาเป็นต้นตั้งชื่อ วันที่ดิฉันปวดท้องจะคลอดหน่ะ ปรากฎว่าเป็นวันที่ เขามีงานแข่งขันกีฬาโอลิมปิคที่ประเทศจีน
ท่านคงจะนึกออกแล้วหล่ะสิว่าทำไม ประเทศจีน เขานิยมมากๆ ที่จะคลอดลูกในวันนี้เพราะเป็นวันมงคล คนเกิดวันนี้ ถื่อว่าเกิดวันที่แปด เดือน แปด ปี สองพันแปด และเกิดเวลา 09.11 นาฬิกา ปวดท้องเองด้วยนะค่ะ ไม่ได้ผ่าออกเราก็เลยตั้งชื่อลูกของเราว่า "น้องมีตังค์" นั่นคือที่มาของชื่อค่ะ
น้องมีตังหน่ะ เป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายมากๆ เลยนะ
ตอนนี้ น้องมีตังค์






น้องมีตังค์เป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายมากๆ เลยนะค่ะ
กินนมแม่ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงหกเดือนอย่างเดียวตามแบบที่หมอสั่งเปะเลยค่ะ แต่พอโตแม่ต้องทำงาน น้องไม่ยอมดื่มนมขวดเลย แล้วต้องหาทางเอาน้องแยกจากแม่เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ น้องเลยยอมดูดนมขวด และก็ไม่ยอมดูดนมแม่อีกเลย
(ตอนนี้น้องมีตังค์ได้สามเดือนค่ะ)






ตอนนี้น้องมีตังค์ หนึ่งขวบกะสี่เดือนแล้วค่ะ

วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เคล็ดลับเพื่อรูปร่างที่ผอมเพรียว

เคล็ดลับเพื่อรูปร่างที่ผอมเพรียว


เคล็ดลับ 8 ประการ เพื่อรูปร่างที่ผอมเพรียวและมีสุขภาพดี

  1. อาหารที่ควรบริโภคเป็นประจำ ได้แก่ หน่อไม้ฝรั่ง ผักกาดขาว ผักคะน้า หอมหัวใหญ่ ผักกูไช่ ฟักเขียว หัวผักกาด กระเทียม ต้นหอม ผักซี วอสุ่น ผักคึ่นไช่ สาลี่ ซานจา ฟักทอง มะเขือ ผักปวยเล้ง ถั่วงอก แตงกวา เห็ดหอม หน่อไม้ ถั่วลันเตา ถั่วแปบ ดอกไม้จีน ผักหวาน กะหล่ำดอก พริก ลูกไหน ลูกบ๋วย มะนาว กระจับ ปลา ไข่ไก่ เนื้อสันใน นมเปรี้ยว เนยแข็ง เป็นต้น
  2. อาหารที่ควรควบคุมปริมาณ ได้แก่ ไอศกรีม นมวัวไม่พร่องไขมัน ขนมเค้ก เนย ขนมปังกรอบ ช็อกโกแลต กาแฟ เบียร์ เหล้าองุ่น น้ำผลไม้ กล้วย ลูกเกด มันเทศ มันฝรั่ง น้ำผึ้ง น้ำเชื่อม ข้าวโพด ลูกบัว เนื้อลำใยแห้ง ลิ้นจี่ พุทราแดง ลูกฟิกซ์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เป็นต้น
  3. สนใจคุณค่าทางโภชนาการของอาหาร ต้องเข้มงวดเรื่องการกินจุบจิบ ให้รับประทานน้อยแต่หลายมื้อ อย่าเลือกทานอาหารอย่างใดหย่างหนึ่ง อาหารที่ทอด รมควันหรือย่างให้รับประมาณแต่น้อย ทางที่ดีควรบริโภคอาหารประเภทที่มีน้ำตาลต่ำ เกลือน้อย คอเลสเตอรอลต่ำ ไขมันต่ำ แต่โปรตีนสูง กากใยมาก
  4. สนใจการบริโภคผสมยา  คนอ้วนมักจะเหนื่อยง่ายหายใจลำปาก ใจสั่น อ่อนเพลียง่ายควรเลือกใส่ใจเลือกสมุนไพร ได้แก่ หวงฉี เก๋ากี้ ต่างเซิน ฝูหลิง ไป๋ซู่ ลูกเดือย มาปรุงผสมอาหารรับประมาณเป็นประจำ
  5. เสริมด้วยวิตามินชนิดต่าง ๆ อาทิ วิตามินเอ บี ซี ดี และอี เป็นต้น
  6. ควรดื่มน้ำส้ำสายชูกเล็กน้อย น้ำส้มสายชูอุดมด้วยสาระเหย ในแต่ละวันควรดื่มให้ได้ประมาณ 15-20 ซีซี จะช่วยเผลาผลาญไขมันในร่างกาย
  7. ดื่มน้ำขาให้พอเหมาะ ใบชามีสรรพคุณช่วยย่อยอาหาร ชะล้างไขมัน ทำให้สมองปลอดโปร่ง ขับปัสสาวะ เป็นต้น ดื่มเป็นประจำช่วยลดความอ้วนได้
  8. ดื่มน้ำให้มากพอสมควร ปกติควรดื่มน้ำให้มาก ควรรับประทานน้ำ แกงจืด ก่อนอาหาร จะช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็ว จึงช่วยลดปริมาณการกินอาหารอย่างอื่นให้น้อยลงได้

ไม่ถ่ายตอนเช้าจะเกิดอะไรขึ้น?

ไม่ถ่ายตอนเช้าจะเกิดอะไรขึ้น?


ในช่วงเวลา 05.00 – 07.00 น. เป็นเวลาของลำไส้ใหญ่ ถ้ายังไม่ยอมขับถ่ายอุจจาระแล้วปล่อยเวลาเลยมาถึง 07.00-09.00 น.ซึ่งเป็นเวลาของกระเพาะอาหารแล้วไม่ยอมกินข้าวเช้าอีก อุจจาระจากลำไส้ใหญ่ที่ไม่ขับถ่ายออก ก็จะถูกดูดซึมซ้ำอีกครั้ง ในอุจจาระเก่ามีแก๊สที่เสียแล้วเกิดจากการบูดเน่าโดยอุณหภูมิของร่างกายซึ่งมีความร้อนถึง 37 องศาตลอดเวลา ไม่เหมือนกับตู้เย็นที่เก็บได้นานกว่า เพราะฉะนั้น แก๊สพิษเหล่านี้จะถูกดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือด เลือดจึงไม่สะอาดถ้าเลือดที่ไม่สะอาดไหลไปเลี้ยงทุกส่วนของร่างกาย ไหลผ่านสมอง ถ้าเลือดที่ไหลไปเลี้ยงทุกส่วนของร่างกาย ไหลผ่านสมอง หัวใจ ปอด ม้าม ตับ ผิดหนัง ก็จะได้รับพิษจากแก๊สพิษด้วย

ก่อนเที่ยงถึงบ่าย ง่วงนอนเพราะเลือดไม่สะอาดไปเลี้ยงหัวใจ หัวใจก็จะอ่อนล้า ไม่สดชื่น

มีกลิ่นตัวกลิ่นปาก ก็มาจากเลือดไม่สะอาดไปเลี้ยงปอด ปอดก็จะขับออกทางผิวหนังและลมหายใจ ตัวเองไม่ค่อยได้กลิ่น แต่คนอื่นได้กลิ่น

ถ้าปล่อยไว้โดยไม่ขับถ่ายในช่วงเวลา 05.00-07.00 นาฬิกา นานเข้าเป็นระยะเวลาหลาย ๆ ปี เลือดที่ไม่สะอาดไหลผ่านไปเลี้ยงสมองและไม่ได้กินอาหารมื้อเช้าช่วงเวลา 07.00-09.00 นาฬิกา สมองก็จะไม่ได้รับสานอาหารที่เป็นประโยชน์ เมื่อแก่ตัวความจำก็จะเสื่อมเร็ว

- ปวดเข่าเมื่ออายุมากขึ้น เป็นริดสีดวงทวาร

วิธีแก้

พยายามขับถ่ายระหว่างเวลา 05.00-07.00 นาฬิกา ถ้าไม่ขับถ่ายควรกินขมิ้นซัน ช่วงเวลานี้เพื่อบริหารลำไส้ใหญ่ให้ทำงานควรกินข้าวเช้าทุกวันระหว่างเวลา 07.00-09.00 นาฬิกา

ความสำคัญของอาหารมื้อเช้า...

การไม่กินอาหารมื้อเช้า เป็นเหตุพื้นฐานที่ทำให้เกิดการเจ็บป่วยที่เรามองข้ามไป คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา ที่เคยปฏิบัติอยู่เป็นประจำไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย

อาหารมื้อเช้า เป็นอาหารมื้อที่สำคัญที่สุด ที่ร่างกายต้องการสารอาหารในช่วงเวลา 07.00-09.00 นาฬิกา ระหว่างเวลานี้สมองและใบหน้าของคนเรา ต้องการเลือดและออกซิเจน เป็นอาหารบำรุงส่งไปเลี้ยงสมอง ถ้าไม่กินข้าวเช้า ก็จะไม่มีเลือดมารับออกซิเจน ส่งขึ้นไปเลี้ยงสมอง เพราะสมองต้องการกรดอะมิโนไปบำรุงเซลล์ รวมถึงวิตามินบี 1, บี 6 และบี 12 มื้อเช้าถ้าไม่มีเวลาจริง ๆ ก็ควรกินสูตรโยเกิต + นมสด+ มะนาว และกล้วยน้ำว้า 1 ลูก



เกร็ดความรู้:

สารอาหารสามประเภทใหญ่ของร่างกาย

1. โปรตีน ควรมีปริมาณ 12% ของปริมาณแคลอรีทั้งหมดแหล่งที่มา เนื้อ ปลา นม ไข่ ไก่ เป็ด ธัญพืช จำพวกถั่ว ผลไม้แห้ง

2. ไขมัน ควรมีปริมาณเป็น 20%-30% ของปริมาณแคลอรี่ทั้งหมดแหล่งที่มา น้ำมันหมู น้ำมันวัว น้ำนมแพะ นม ไข่ น้ำมันถั่ว น้ำมันงา น้ำมันถั่วลิสง น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันเมล็ด ดอกทานตะวัน ถั่วลิสง งาวอลนัท

3. คาร์โบไฮเดรท ควรมีปริมาณ 55-65% ของปริมาณแคลอรี่ ทั้งหมดแหล่งที่มา ธัญพืช ถั่ว (ยกเว้นถั่วเหลือง) มัน ขนมหวาน

โรคเลือดจางธาลัสซีเมียสำหรับแม่มือใหม่

ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่มีลูกสาวคนโตเป็นธารัสซีเมีย และไม่อยากให้คุณแม่มือใหม่


ธาลัสซีเมีย คือ โรคซีดชนิดหนึ่งที่เกิดจากเม็ดเลือดแดง ผิดปกติโดยการถ่ายทอดจากพ่อแม่ ทางกรรมพันธุ์


ธาลัสซีเมีย มี 2 แบบ


1.พาหะ ไม่แสดงอาการของโรค สุขภาพแข็งแรงร่างกายปกติแต่มีความผิดปกติของเม็ดเลือด สามารถถ่ายทอดไปยังลูกหลานได้


2. เป็นโรค แสดงอาการของโรคเช่น ซีดเหลือง ท้องโตเพราะม้าม ตับโต ผิวหนังคล้ำ ตัวเล็กผิดปกติ และต้องเข้ารับการรักษาอร่างสม่ำเสมอ สามารถถ่ายทอดไปยังลูกหลานได้
ชนิดของผู้เป็นโรคธาลัสซีเมีย มี 3 ชนิด
  • ชนิดรุนแรงที่สุด ทารกตายตั้งแต่อยู่ในครรภ์หรือหลังคลอด
  • ชนิดรุนแรง แรกเกิดจะไม่มีอาการจะสังเกตอาการเห็นชัดเมื่ออายุประมาณ 3-6 เดือน อาการสำคัญคือ ซีด อ่อนเพลีย ท้องป่อง ม้ามตับโต มักซีดมากจนต้องได้รับเลือดเป็นประจำ
  • ชนิดปานกลางและชนิดรุนแรงน้อย จะซีดมากขึ้นเมื่อมีไข้
โอกาสเสี่ยงของการมีลูกเป็นโรคธาลัสซีเมีย
ถ้าทั้งพ่อและแม่เป็นพาหนะ โอกาสที่ลูกจะเป็นโรคร้อยละ 25 หรือ 1 ใน 4 โอกาสที่ลูกจะเป็นพาหนะเท่ากับ 50% หรือ  2 ใน 4 โอกาสที่จะมีลูกปกติเท่ากับ 25% หรือ 1 ใน4


จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกในท้องเป็นโรคธาลัสซีเมีย
  1. ฝากครรภ์ทันที เมื่อรู้ว่าตั้งครรภ์
  2. เข้ารับคำแนะนำและการปรึกษา "ธาลัสซีเมีย" พร้อมสามี จากเจ้าหน้าที่สาธารณสุข
  3. หญิงมีครรภ์รับการตรวจเลือด หากผลเลือดผิดปกติ ให้ตามสามีตรวจเลือดทันที
  4. หากพบว่าหญิงตั้งครรภ์และสามีมีโอกาสที่ลูกในท้องเป็นโรคธาลัสซีเมีย ชนิดรุนแรงมากและปานกลาง หญิงมีครรภ์ควรได้รับการตรวจทารกในท้องว่าเป็นโรคหรือไม่ 

วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ทำนาย ทายรัก


ทำนาย ทายรัก
ทำนายทารักจ้า แม่นมากๆ
ทำนายว่าคุณเองเป็นคนแบบไหน
ทายใจ
หยิบกระดาษขึ้นมาเขียน 1-10 ห้ามแอบดูเฉลยนะ

ห้ามโกงเด็ดขาด!!!!!!!!!!!!!!!

1. คุณมีผมสีเข้ม หรือ อ่อน
2. ถ้าเกิดได้ไปเดทคุณจะเลือกไปกินข้าว 2ต่อ 2 หรือ ไปปาร์ตี้
3. สีโปรดของคุณคืออะไร ระหว่าง ชมพู,เหลือง,ฟ้าอ่อน,หรือ เขียวน้ำทะเล
4. กจกรรมที่คุณโปรดปรานมากที่สุด ระหว่าง โต้คลื่น,เสก็ต,หรือ สกี
5. ถ้าจะเลือกท่าเรือ ระหว่าง อู่เรือรบเก่า , อู่แปซิฟิค , หรือ อู่วิคตอเรีย ซีเคร็ต คุณจะเลือกอันไหน
6. รัฐที่คุณชอบไปที่สุดคือรัฐใด ระหว่าง แคลิฟอร์เนีย , ฟลอริดา , หรือ โอไฮโอ
7. ในฤดูร้อนคุณจะไปทะเล หรือ ที่ๆเย็นกว่านี้
8. เกิดเดือนอะไร
9. คุณจะนั่งอืดอยู่ที่บ้าน หรือ ออกไปเที่ยวกับเพื่อน
10. ชื่อคนที่เป็นเพศตรงข้ามกับคุณ



–===== อธิษฐาน=====–

* เริ่ม เลย *
***********
**********
 *********
********


*******


******


*****


****


***


**


*


*** หยุด! ***



* คำตอบ *
1. สีเข้ม-เซ็กซี่ ~ สีอ่อน-หวาน น่ารัก
2. ไปกินข้าว 2 ต่อ 2 -โรแมนติค ~ ไปปาร์ตี้-ขี้เล่น
3. ชมพู-น่ารัก ~ เหลือง-ชอบเสียงดัง ~ ฟ้าอ่อน-ใจเย็น ~ เขียวน้ำทะเล-แข็งแกร่ง
4. โต้คลื่น-ว่องไว คล่องแคล่ว ~ เสก็ต-เด็ดเดี่ยว ~ สกี-กล้าหาญ
5. อู่เรือรบเก่า-น่ากลัว ~ อู่แปซิฟิค-สนุกสนาน ~ อู่วิคตอเรีย ซีเคร็ต-เซ็กซี่
6. แคลิฟอร์เนีย-คุณชอบอยู่กับคนมากๆ ~ ฟลอริดา-ปาร์ตี้ในความร้อน ~ โอไฮโอ-เงียบ เย็น
7. ทะเล-ผิวสีแทน ชอบพระอาทิตย์ ~ ที่ๆเย็นกว่านี้-ผิวสีอ่อน และหัวโบราณ
8. มกราคม-โด่งดัง ~ กุมภาพันธ์-น่ารัก ~ มีนาคม-เสียงดัง ~ เมษายน-ขี้เล่น ~ พฤษภาคม-ใจเย็นมาก ~ มิถุนายน-อารมณ์ดี ~ กรกฏาคม-เรียบง่าย ~ สิงหาคม- สนุกสนาน ~ กันยายน-เงียบ ~ ตุลาคม-กล้าแสดงออก ~ พฤศจิกายน-ชอบยุ่งเรื่อง คนอื่น(ทั้งทางดีและไม่ดี) ~ ธันวาคม-อบอุ่น
9. อืดอยู่บ้าน-น่าเบื่อ ~ ไปเที่ยวกับเพื่อน-บ้าๆบอๆ
10. คนนั้นจะตกหลุมรักคุณ !!!!!

วันละอย่าง แพทเทิร์น"ตุ๊กตาถักไหมพรหม"


ดิฉันเป็นอีกคนหนึ่งที่มีงานอดิเรกเป็นการถักตุ๊กตาไหมพรหม ผ้าพันคอไหมพรหม อะไร ที่เป็นงานถักหล่ะชอบสุด ๆ เลย เวลาว่างก็เอาขึ้นมาถัก ตอนนี้ก็กำลังถักตุ๊กตา เรดเดวิล และกำลังรับออเดอร์ทำอยู่ ไม่ยากหรอกนะ หากว่าใจชอบหน่ะ



หมีแพนด้าคู่แม่ลูก
แพนด้าสำหรับวันแม่ค่ะกำลังหัดถักอยู่นะค่ะ
หากอยากได้แพทเทิร์นหล่ะก็ส่งเมลล์มานะค่ะเด๋วจะส่งไปให้ค่ะ
อิอิ

สุขภาพ, อิ่มจัดเดินย่อยสักหน่อยเป็นไง


อยากหาเหตุผลสักข้อ ที่จะช่วยให้คุณเดินออกกำลังใช่ไหม ได้เลย นั่นก็คือ หลังกินอาหารมันจัด ระบบต้านอนุมูลอิสระมากมายซึ่งจะเริ่มทำลายเซลล์เนื้อเยื่อและหลอดเลือดแดง แต่นักวิจัยมหาวิทยาลัยอินดิแอนาพบว่า การออกกำลังหลังอาหาร (โดยแนะนำให้เดินนาน 90 นาทีหลังกินอาหารไปแล้วสองชั่วโมง) อาจช่วยให้เกิดกระบวนการตรงกันข้าม ส่วนมูลนิธิหัวใจแห่งอังกฤษก็ทำการศึกษาคล้าย ๆ กันและพบว่าการออกกำลังหลังกินอาหารมันจัดสามารถลดอันตรายลงได้ราวร้อยละ 15

สุขภาพ

ความโกรธบั่นทอนลมหายใจ
หากคุณมีแนวโน้มจะอารมณ์เสียง่ายระลึกไว้เสมอว่าอารมณ์โกรธทำให้ปอดอ่อนแอลงได้ ผลการศึกษาความจุปอดและวัดความโกรธของผู้ชาย 670 คน รวมสามครั้งในช่วงแปดปีโดยวิทยาลัยสาธารณสุขฮาร์วาร์ด เมื่อสิ้นสุดการศึกษาพบว่าพลังปอดในคนที่มีระดับความโกรธสูงแย่ลงกว่าคนที่มีระดับความโกรธต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด
"เวลาโกรธ ร่างกายจะผลิดฮอร์โมนที่ช่วยเตรียมตัวเพื่อการต่อสู้" ประธานมูลนิธิปอดแห่งอังกฤษกล่าว  "โดยหลั่งสารเคมีที่ทำให้เชลล์ที่หลอดลมเกิดอาการไหม้ หลอดลมจะตีบลง ทำให้คุณรู้สึกหายใจไม่ออก" ความเสียหายที่เกิดกับปอดนี้เล็กน้อยหากเทียบกับผลกระทบจากการสูบบุหรี่ แต่ในระยะยาวสามารถก่อผลเสียหายที่ไม่อาจแก้ไขให้คืนกลับดังเดิมได้ ดังนี้น หากคุณกำลังสายและมีใครขับรถแซงคุณ อย่าอารมณ์เสีย สูดลมหายใจลึก ๆ นับหนึ่งถึงสิบแทน แล้วถามตัวเองว่า "สำคัญขนาดนั้นเชียวหรือ"

ไม่อยากที่จะเอาชนะความอ้วน



  •           จงลืมการไปออกกำลังที่สถานออกกำลัง แล้วทำให้ร่างกายกระฉับกระเฉงผอมเพียว และแข็งแรงขึ้นด้วยการเดินออกกำลัง ลองทำตามแผนง่าย ๆ ต่อไปนี้นะค่ะ
  •           หากไม่แน่ใจว่าว่าร่างกายมีความพร้อมเพียงใด คุณอาจลองเดินให้มากขึ้นเพราะเป็นวิธีเหมาะที่สุดต่อแผนการเริ่มออกกำลัง การเดินออกกำลังเต็มที่นานหนึ่งชั่วโมงช่วยเผาผลาญพลังงานถึง 350 แคลอรี่
  •           เริ่มโดยสวมเครื่องวัดการก้าวเดินนานเจ็ดวันและบันทึกจำนวนก้าวแต่ละวัน ใช้จำนวนก้าวมากสุดเป็นเกณฑ์ สัปดาห์ต่อไปคุณจะต้องเดินให้มากขึ้นกว่าเกณฑ์นั้น
  •           ควรตั้งใจเดินให้เร็วขึ้นและใช้เส้นทางที่คุณสามารถก้าวเดินได้ไกลมากขึ้น หรือเดินเล่นไปตามถนนหรือรอบสวนสาธารณะ
  •           ทดสอบความพร้อมของร่างกายสัปดาห์ละครั้งด้วยการวัดชีพจรนานหนึ่งนาทีก่อนออกเดิน วัดอีกครั้งเมื่อเดินเสร็จ และอีกคั้งหลังพักสักครู่ ยิ่งอัตราการเต้นของหัวใจคืนสู่ภาวะปกติเร็วขึ้นเท่ากับก่อนเริ่มเดินมากเท่าใด ร่างกายคุณก็สมบูรณ์ขึ้นเท่านั้น
  •           ความดันโลหิตที่ลดต่ำลง กระดูกที่แข็งแรงขึ้น และการนอนหลับดีขึ้นเป็นเพียงผลพลอยได้บางส่วนจากการเดิน ดังนั้นควรเริ่มออกเดินได้แล้ว
  • สัปดาห์แรก หาซื้อรองเท้าดี ๆ สักคู่ ตั้งใจให้แน่วแน่ว่าจะเดินให้ถึงเกณฑ์ขึ้นต่ำทุกวัน
  • สัปดาห์ที่สอง  เดินเพิ่มอีก 1,000 ก้าวจากเกณฑ์ในช่วงห้าวัน โดยรักษาเวลาให้ได้สามนาทีสำหรับการเดินอย่างจริงจังต่อเนื้อง (ก้าวเร็วๆ โดยไม่พัก) ในช่วงสามวัน
  • สัปดาห์ที่สาม เดินเพิ่มอีก 2,000 ก้าวจากเกฑณ์ในช่วงห้าวันนี้ คุณจะหลับดีขึ้น
  • สัปดาห์ที่สี่ ทำเหมือนสัปดาห์ที่สาม
  • สัปดาห์ที่ห้า เดินเพิ่มอีก 3,000 ก้าวจากเกณฑ์ในช่วงห้าวัน และเดินเร็วนานห้านาทีติดต่อกันในช่วงสามวัน
  • สัปดาห์ที่หก เดินเพิ่มอีก 5,000 ก้าวจากเกณฑ์ในช่วงห้าวัน และเดินนานห้านาทีโดยไม่หยุดพักในช่วงสามวัน
ทุกวันสุดท้ายในแต่ละสัปดาห์ จงวัดความสมบูรณ์ของร่างกาย แล้วคุณจะประหลาดใจว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปได้เร็วขนาดไหน

ลองดูนะค่ะ



วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เดือนบอกนิสัยได้นะ

เมื่อมีวาสนา ไม่ต้องเรียกร้อง
ถึงเวลาก็มาเจอกัน เมื่อสิ้นวาสนา ก็ต้องจากกัน รั้งยังไงก็ไม่อยู่
ในตอนที่ยังไม่จากกันนี้ คุณทำได้ทำดีต่อคนของคุณหรือยัง
เพราะ ถึงเวลาที่ต้องจากกัน ไม่ว่าคุณจะมีเงินหรืออำนาจล้นฟ้า
ก็เรียกมันกลับ คืนมาไม่ได้ ทำดีต่อกันไว้ดีกว่า เพราะไม่มีใครรู้ว่า
เราจะต้องจากกันเมื่อไหร่ ^_^

<คนเกิดเดือนมกราคม>
เป็นคนค่อนข้างรอบคอบ ระมัดระวังวิตกจริต คิดมากตลอดเวลา ในบางคนก็ชอบเก็บสะสมของเก่า ของโบราณ รู้จักเก็บ มัธยัสถ์ งก ขี้เหนียว เสียดายของ ประหยัด ชอบที่จะแชร์ค่าใช้จ่าย มองกำไรขาดทุนไว้ก่อนเสมอ ดูเหมือนเห็นแก่ตัว แต่จริง ๆ แล้วฉลาดจึงสามารถเป็นนักธุรกิจที่ดีได้ ทะเยอทะยาน ชอบเอาชนะ บางทีก็คิดเล็กคิดน้อยอะไรไม่รู้ เชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก ทรหดอดทนเป็นยอดเลยล่ะ โดยเฉพาะในเรื่องงานแล้วล่ะก็บ้างานมาก บ้านจนทำให้บางทีความรักที่มีอยู่จืดไปเลย จะแต่งงานช้าก็เพราะมัวแต่เลือกมากคิดมากอยู่ นั้นแหละ ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับความรักสักเท่าไหร่ ถ้างานที่ต้อรับผิดชอบนั้น ยังไม่เสร็จสิ้น เพราะเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง เป็นนักปฏิบัติแต่ในด้านความรัก ก็ใช่ย่อยมีเสน่ห์ล้ำลึกนัก มีความต้องการทางเพศค่อนข้างสูงอยู่เหมือนกัน บางครั้งก็ขี้หงุดหงิดเอาแต่ใจตัวเอง แต่ทำเป็นขรึมเย็นชาซะอย่างนั ้นแหล่ะ บางทีก็ชอบเก็บตัวชอบสร้ากำแพง ทำเป็นหยิ่งแต่จริง ๆ กลับเป็นคนง่าย ๆ ไม่มีอะไรหรอก ไม่มีพิษไม่มีภัยกับใคร สงบนิ่ง เจ้าระเบียบซะอีกแน่ะ รักเกียรติยศชื่อเสียงเป็นอย่างยิ่ ทำอะไรไม่ค่อยพึ่งใครชอบทำเอง แต่ก็เป็นคนมีบุญ มักได้คู่ดี
<คนเดือนกุมภาพันธ์>
มัก เป็นคนที่มีอุปนิสัยร่าเริง เพื่อนฝูงมากมาย เพราะเป็นคนที่ตองการมิตรที่แท้จริง แต่ก็มักไม่ค่อยมีเพื่อนและที่สำคัญมีเพื่อนแท้น้อยมาก ชอบอยู่ในแวดวงสังคมที่ดี เพราะเป็นคนที่สามารถยิ้มแย้มแจ่มใสได้กับทุกสถานการณ์ ถึงแม้ว่าตนเองจะทุกข์อยู่ก็ตาม ชอบที่จะทำให้คนอื่นมีความสุข เป็นคนที่ช่างพูดช่างคุย ตีหน้าได้เก่ง มีนิสัยช่างคิดช่างจำแถมยังมีแผนการมากอีกด้วย เชื่อมั่นและมีความเห็นเป็นของตัวเอง ซื่อตรงดีชอบอิสระไม่ชอบขึ้นกับใคร หรือให้ใครบังคับขู่เข็ญให้ทำ หรืออยู่ใต้การควบคุมของใคร อยากทำอะไรทำเองไม่ต้องมาสั่ง ชอบชีวิตที่เรียบง่ายมากกว่าถึงแม้ว่าตัวจะต้องอยู่ในสังคมก็ตาม เป็นคนที่มีหัวคิดริเริ่มมีไอเดียอะไรดี ๆ และแปลกใ หม่อยู่เสมอ เพราะเป็นคนที่ใส่ใจเรียนรู้และสร้างสรรค์ ตามยุคตามสมัยทันเหตุการณ์ของโลกอยู่เสมอ ชอบเปลี่ยนแปลงจนคนรอบข้างตามไม่ทันหรือคิดไม่ถึงก็มีจริงใจเปิดเผยตรงไป ตรงมา นิสัยไม่ดีคือมักเอาแต่ใจและดื้อรั้นมาก ในบางครั้งก็ดูก้าวร้าวขวานผ่าซากและขี้งอนขี้น้อยอกน้อยใจ เป็นคนที่ชอบสนุกสนาน ชอบช่วยเหลือเพื่อน ทั้งที่ทำคุณกับใครไม่ค่อยขึ้นหรอก คบกับใครก็ได้ ช่างเลือกด้วย แถมไม่ชอบผูกมัดหรือมีพันธะติดกับใคร จึงหาคู่ที่ถูกใจยากออกสักหน่อย

<คนเดือนมีนาคม>
เป็น คนที่ชอบเห็นอกเห็นใจชาวบ้าน ชอบช่วยเหลือคนอื่นแล้วก็ไปรับแบกภาระซะอย่างนั้นแหล่ะ เข้ากับคนง่าย ปรับตัวได้ดีมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี มีจิตใจที่เมตตาโอบอ้อมอารี มีคุณธรรมสูง ชอบสร้างบุญสร้างกุศล แต่มักเป็นคนที่ขี้เหงา ว้าเหว่ หรือไม่ชอบอยู่ในที่แคบ ๆ มักชอบที่จะอยู่ในที่โล่งแจ้งมากกว่า แต่อารมณ์มักอ่อนไหวง่ายมาก ๆ ในบางครั้งก็ขี้หงุดหงิด จิตใจไม่แน่นอน อารมณ์เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเหมือนน้ำ ที่วันนี้ไม่รู้จะอยู่ในโอ่งหรือว่าขวดกันแน่ บางครั้งก็ดูแข็งบางทีก็อ่อนไหวง่ายเหลือเกิน ด้วยความใจอ่อนนี่แหล่ะมักทำให้สูญเสียโอกาสดี ๆ ไปเสมอ ดูอ่อนโยนสุภาพแต่ก็มีอารมณ์ที่ก้าวร้าว และปากร้ายได้เหมือนกัน เพราะเป็นคนที่เย็นก็ได้ ร้อนก็ได้ เสียใจง่าย ดีใจง่าย คล้อยตามคนอื่นได้ ไม่ค่อยแข่งขันอะไรกับใคร มักพอใจในสิ่งที่ตนมี เป็นคนที่เชื่อเรื่องโชคลางสิ่งลี้ลับ และชอบที่จะจดจำเรื่องเก่า ๆ หลงรักใครได้ง่าย ๆ และมักจะจมอยู่กับรักเก่า ๆ นั้น แบบพวกมีรักฝังใจไม่ยอมลืม แต่กับบางเรื่องกลายเป็นคนที่ขี้ลืมบ่อย ๆ เหมือนคนแก่ และก็เป็นคนที่ไม่ค่อยใส่ใจใฝ่หาอะไรที่มันใหม่ ๆ ซะด้วยซิ ยกเว้นชอบที่จะซื้อรองเท้าใหม่ ๆ อยู่เรื่อยเลย ว่ากันว่าใครที่เกิดในดือนนี้เท้าสวยแล้วจิตใจจะดีแถมเป็นคนชอบชิมชอบกิน เสียด้วยซิ
<คนเดือนเมษายน>
เป็นคนที่มี นิสัยเหมือนเด็ก ๆ อยากรู้ อยากเห็น อยากได้อยากเป็นไป เสียหมด พอรู้พอเห็นแล้วก็เบื่อไม่เอาแล้ว อยากได้ของใหม่อีกแล้ว คือ เป็นคนขี้เบื่อเหมือนเด็ก ๆ ไม่ค่อยยอมฟังใครง่าย ๆ กล้าได้กล้าเสียไม่ค่อยกลัวอะไร ลุยลูกเดียว แล้วก็เจ็บ แถมเจ็บไม่รู้จักจำอีกด้วย ชอบกลับไปทำซ้ำใหม่แล้วก็เจ็บอีก บางทีก็ชอบทำเรื่องง่าย ๆ ให้เป็นเรื่องยากได้ จู้จิ้จุกจิกกับเรื่องไม่เป็นเรื่องก็ได้แต่เป็นคนที่น่าคบนะเพราะเป็นคนที่ จริงใจตรงไปตรงมา ไม่ชอบเอาใจใครหรือเยินยอใคร ชอบไม่ชอบบอกกันตรง ๆ เลย แบบว่าถือของให้ใครก็ไม่เป็น ไม่ชอบผูกมัดชอบอิสระ ชอบที่จะให้คนมาเอาใจมากกว่า และ มักจะหึงและหวงคนรักนะ เพราะถ้ามีรักเมื่อไร จะเป็นคนที่รักเดียวใจเดียว รักแบบบริสุทธิ์ใจซะด้วยซิ และมักเป็นคนที่มีความต้องการทางเพศสูงอยู่เหมือนกันนะจ๊ะ ทะเยอทะยานใจร้อน ทำอะไรก็รวดเร็วทันใจ เดินยังดูรีบ ๆ เลย มีอารมณ์รุนแรงขี้โมโหหงุดหงิดง่าย แต่ก็หายเร็ว ทำอะไรหุนหันพลันแล่น อยู่นิ่ง ๆ ไม่เป็นจะอึดอัดหงุดหงิด เครียด ต้องเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา เช่น ชอบออกกำลังกาย หรือทำอะไรที่มันดูเป็นภาคสนามสักห น่อย จะสบายใจกว่าให้นั่งเฉย ๆ ใครอยากเป็นแฟนต้องเข้าใจและเอาใจ อย่าปล่อยให้เหงาเชียวแหล่ะ

<คนเดือนพฤษภาคม>

เรา จะเห็นว่าเดือนนี้มีสัญลักษณ์เป็นรูปวัวเพราะฉะนั้นต้องเข้าใจก่อนเลยว่า คนที่เกิดในเดือนนี้มักต้องทำเพื่อคนอื่นและต้องอดทนอย่างมาก เหมือนวัวนั่นแหล่ะ ดื้อรั้นเงียบแบบสงบเสียด้วยซิ มักเป็นคนที่ดูจะนิ่งๆ ไม่ค่อยแสดงออกสักเท่าไหร่ เป็นคนที่โกรธใครยาก แต่ถ้าโกรธนานเชียว แล้วถ้ามีใครมาแหย่ ให้โกรธเข้าล่ะก็ คุณแกจะกลายเป็นวัวกระทิงทันทีเลยล่ะ เป็นคนที่รักสวยรักงาม สะอาด รักความเป็นระเบียบเรียบร้อย ทำอะไรถูกกาลเทศะ ความคิด ความอ่านมักค่อนข้างหัวโบราณสักหน่อย เป็นบุคคลที่เปลี่ยนแปลงอะไรยากมาก ๆ เช่น การกิน หรือความเชื่อ ใครบอกก็ไม่เปลี่ยน นอกจากตัวเองจะเปลี่ยนแปลงความคิดหรือการกระทำเอง ไม่ค่อยยืดหยุ่นกับชีวิต ชอบคิดว่าฉันเป็นฉันเอง เป็นคนที่ชอบอยู่นิ่ง ๆ สงบ ๆ อยู่คนเดียวก็ได้ อยู่กับเพื่อน ๆ ก็ได้ โคตรอดทนและบึกบึนมาก งานทำได้ทุกอย่างหนักเอาเบาสู้ได้หมด แถมเป็นคนมัธยัสถ์ ประหยัด ชอบเก็บสะสมทรัพย์สินอีกด้วย เรียกว่าเศรษฐีได้เลย แต่ก็ไม่ค่อยได้ใช้เองหรอกชอบให้คนอื่น ยิ่งถ้าเป็นคนที่ตัวเองรักแล้วล่ะก็...เต็มที่ไปเลย เป็นคนที่อ่อนไหวต่อความรักมาก รักแล้วทุ่มเทเกินเหตุ มักถือดีเรื่องความรักเสมอ หรือจะชื่นชม ให้กำลังใจหน่อยก็จะดี คนเดือนนี้ชอบให้ชมบ่อย ๆ พวกบ้ายอไง

<คนเดือนมิถุนายน>
เป็น คนที่ฉลาดมาก มักคิดอะไรได้รวดเร็วกว่าชาวบ้าน คือ มีความถนัดในการใช้สมองมากกว่ากำลัง ชอบคิดชอบพูด ชอบเขียน อยากรู้ อยากเห็น อยากลอง ต้องการเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ เพื่อความอยู่รอด จึงมักเป็นคนที่ดูทันสมัยอยู่ตลอดเวลา และในชีวิตมักมีอะไรเข้ามาทีละสองอย่างเสมอ ทำให้ต้องลำบากใจที่จะต้องเลือก ไม่ว่าจะเป็นความรักหรือ การงาน ความคิดก็มักลังเล รักพี่เสียดายน้องอยู่นั่นแหล่ะ เป็นคนที่มีความสามารถหลายอย่าง สามารถทำอะไรหรือคิดอะไรได้ หลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกัน บางทีกลายเป็นคนสองบุคลิก หรือ คนสองหน้าได้เหมือนกัน สามารถแก้ปัญหาให้ใครต่อใครได้ในพริบตาเชียวล่ะ เป็นที่ปรึกษาและให้กำลังใจที่ดีเลยคนเดือนนี้น่ะ ชอบท่องเที่ยวไม่ชอบอยู่กับที่นาน ๆ ชอบเปลี่ยนแปลงอะไรต่อมิอะไรอยู่ตลอดเวลา ทำให้ดูเหมือนเป็นคนที่ขาดความอดทน เป็นคนที่ค่อนข้างตรงและเอาแต่ใจตนเอง ไม่ค่อยเก็บความสงสัยเอาไว้ จะถามให้รู้เรื่องไปเลย จะทำอะไรก็เหมือนกันจะต้องทำให้มันสำเร็จ ชนิดไม่เสร็จไม่เลิก มีความว่องไวใจร้อนมากโดยเฉพาะเรื่องงาน ไม่ชอบให้ใครมาจู้จี้ขี้บ่น หรือซักถามยิ่งเวลาไปไหนมาไหน ไม่ต้องถาม ถ้าอยากบอกจะบอกจะเล่าเอง ด้วยความทันสมัยและชอบเที่ยวจึงเป็นผู้ที่ใช้เงินเปลืองมาก

<คนเดือนกรกฎาคม>
นับ ได้ว่าเป็นคนอ่อนไหวไวต่อความรู้สึก ระมัดระวังตัวหวาดระแวงตกใจง่ายไม่ค่อยไว้ใจใครง่าย ๆ รักษาผลประโยชน์รู้จักเก็บออมเงินเก่ง (ปูมักจะลากทุกอย่างเ ข้ารู) ถ้าเจอปัญหาเศร้าทุกข์อะไร จะขอหลบไปก่อน ไม่รับโทรศัพท์ ไม่รับแขก ไม่ยอมเจอใคร แต่พอตั้งสติได้จะค่อย ๆ กลับมาแก้ไขและกลับมาเป็นคนเดิมเอง เป็นคนรักบ้าน รักครอบครัวมาก ชอบอยู่กับบ้านและทำกิจกรรมที่บ้านมากกว่าให้ออกนอกบ้าน เพราะมันเป็นสิ่งที่ทำให้ชาวกรกฎรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น มีความสุขที่สุด ดูจากภายนอกออกจะแข็งกร้าว ปากแข็งแต่จริง ๆ ภายในอ่อนปวกเปียกมาก ลองดูจากสัญลักษณ์ที่คนโบราณเปรียบเทียบไว้เป็นปูไง มีกระดอง แต่ข้างในนิ่มเชียว มีความอดทนต่อความยากลำบาก ชอบใส่ใจความรู้สึกคนอื่น ไม่ว่าเป็นหญิงหรือชายมักมีความเป็นแม่อยู่ในตัว มีสัญชาตญาณในการให้ ห่วงใยเอื้ออาทร ชอบช่วยเหลือชาวบ้าน เอาอกเอาใจ (เฉพาะ) คนที่ตัวรัก เก็บรายละเอียดได้ดีไม่ว่าจะเรื่องอะไร โดยเฉพาะเรื่องเก่า ๆ หรือพวกรักฝังใจ ไม่ยอมลืม แต่เจ้าอารมณ์ชะมัดเลยล่ะ จู้จี้จขี้บ่น เจ้าระเบียบ ต้องปล่อยให้บ่นไป เดี๋ยวเหนื่อยก็หยุดไปเองแหละต้องระวังเรื่องเครียด เพราะเป็นคนวิตกจริตคิดมาก รักใครแล้วไม่ค่อยปล่อยง่าย ๆ แถมขี้หึงถึงตายเลยล่ะ (ปูหนีบ)

<คนเดือนสิงหาคม>
คน ที่เกิดในเดือนนี้เหมือนจ้าวป่าจึงมักจะเริ่ดเชิดหยิ่งไว้ก่อนเดินยังเอา หน้าไปก่อนเลย ไม่ค่อยยอมก้มหัวให้ใครง่าย ๆ ไม่ง้อใครถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ชอบที่จะเป็นหัวหน้า เป็นผู้นำมากกว่าคล้อยตาม ชอบความเป็นอิสระทั้งด้านงานและการใช้ชีวิต ไม่ชอบขึ้นอยู่กับใคร เชื่อมั่นในตัวเองมาก ใจใหญ่ถึงไหนถึงกัน เล็ก ๆ ไม่ ใหญ่ ๆ ทำ รักเกียรติยศชื่อเสียง เสียอะไรไม่ว่า เสียหน้าข้าไม่ยอม ใจร้อนหงุดหงิด ขี้โมโห จริงจังกับชีวิตมากจนกลายเป็นพวกบ้าอำนาจ หรือจอมเผด็จการ ฉลาดหลักแหลม เจ้าปัญญา เจ้าความคิด คิดโน่นนี่ได้ตลอดเวลา แต่บางที ก็ไม่ยอมทำเอง ชอบใช้คนอื่นทำแทน จึงควรเป็นที่ปรึกษานั่นแหล่ะดี เพราะเป็นคนที่ไม่เคยเชื่อใจหรือไว้ใจใครเลย และไม่ค่อยชอบพึ่งใครด้วย รักเฉพาะพวกพ้องพี่น้องและครอบครัวของตัวเอง สามารถเสียสละให้ได้ทุกอย่าง เป็นคนที่อยากให้ทุกคนมารัก อยากให้ทุกคนยอมหรือยกย่องตัวเอ ง อย่าไปขัดใจหรือโต้แย้ง ปกติใครอยู่ด้วยจะน่ารักมาก เพราะจริง ๆ เป็นคนที่ขี้สงสารและชอบให้อภัย หรือให้โดยไม่ค่อยหวังผลตอบแทน เพียงแต่ไม่ชอบที่จะแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นเท่านั้นเอง เป็นคนที่หาเงินเก่งและก็ใช้จ่ายเก่งด้วย ถ้าพอใจอยากได้อะไรต้องได้จะจ่ายไม่อั้น ยังไงก็ต้องรักษาหน้าไว้ก่อน จะหาคู่ครองต้องเป็นคนใจเย็นเป็นผู้ใหญ่กว่า มีปัญญาที่เหนือกว่าจึงจะอยู่กันได้ หรือไม่ก็อยู่ใต้เท้าคุณสิงหาคมแกไปเลยหมดเรื่อง

<คนเดือนกันยายน>
นับ ว่าเป็นคนที่เฉลียวฉลาด คล่องแคล่วว่องไว มีเสน่ห์ ไม่ว่าเป็นชาย หรือ หญิงมักมีแต่เรื่องหยุมหยิม มีข้อสงสัย หรือ วิเคราะห์ ทุกอย่างจนเกินเหตุ เป็นคนที่เข้าใจยากอยู่สักหน่อย เพราะชอบเอาแต่ใจทำอะไรตามอารมณ์เหมือนผีเข้า ผีออก ไม่แน่นอน คนอื่นอาจจะงง ๆ เหมือนจะประสาทหลอน แต่จริง ๆแล้วเพราะเป็นคนที่ละเอียดลออ เอามาก ๆ ชอบสังเกต พิถีพิถันออกแนวหัวโบราณ วิตกจริตคิดมากเท่านั้นเอง ช่างคิดช่างฝันช่างจินตนาการ มินิสัยชอบเปลี่ยนแปลงหรือพยายามทำสิ่งต่าง ๆ ที่คนอื่นเขาทำทิ้งไว้ ค้างไว้ ให้เสร็จสมบูรณ์ตามแบบฉบับของตัวเอง พูดง่าย ๆ ก็คือชอบ จู้จี้จุกจิก เจ้าระเบียบ ชอบจับผิดคนเก่งมาก แต่ก็เป็นคนที่มองโลกในแง่ดีนะ ถึงจะชอบจับผิดก็เถอะ แล้วชอบที่จะช่วยเหลือชาวบ้านหรือดันไปแบกรับภาระคนอื่นมา จะดูเหมือนเรื่องมาก และเลือกมากไปเสียทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัวต้องดูดีก่อนออกจากบ้าน หรืออาหารการกินต้องสะอาด โดยเฉพาะเรื่องความรักมักจะใช้เวลาเลือกค่อนข้างนาน แต่ถ้าได้รักแล้วมักจะรักนานเลยเช่นกัน เป็นคนที่ขยันทำมาหากินมาก บางครั้งประหยัดจนดูเหมือนขี้เหนียว ช่างพูดช่างเจรจา พูดเก่งและแก้ตัวเก่งอย่างมีเหตุผลเสียด้วยซิ ผิดกับการบอกรักกลับเป็นคนที่ไม่กล้าแสดงออก ขี้อาย ปากแข็งมาก ถ้าคิดจะเอ่ยปากบอกรักใครสักคน เวลารักใครชอบรักจนหมดหัวใจ จึงมักโดนคนที่ตนรักหลอกหรือเอาเปรียบอยู่เสมอ

< คนเดือนตุลาคม>
คน เดือนนี้เป็นคนสุภาพอ่อนโยน นุ่มนวล สะอาดน่ารัก เป็นนักการทูต มีพรสวรรค์ในการเจรจา(กะล่อน) แต่ประนีประนอม หรือ โน้มน้าวจิตใจคนได้ดี เป็นคนค่อนข้างตรงและเอาจริงเอาจัง คิดยังไงก็พูดออกมาอย่างนั้น สามารที่จะโอนอ่อนผ่อนตาม คล้อยตามมากกว่าขัดใจ ใครว่าอะไรก็ว่าด้วยเป็นคนที่มีเสน่ห์ อยู่ในตัวเอง ถ้าไม่หน้าตาดี บุคลิกก็ต้องดูดีมีราศี สามารถดึงดูดคนให้เข้ามาหาได้อย่างง่ายดาย ในบางคนก็รักสวยรักงานศิลปะ ชอบเข้าสังคมทำอะไรเพื่อสังคม ชอบความสนุกสนานร่าเริง ฟุ้งเฟ้อ ชอบความหรูหรา เป็นคนที่ถ้ารู้จักใคร ถูกชะตาจะรักมาก รักเร็วและทุ่มเทซะเกินเหตุ แต่ถ้านึก อยากจะเลิกก็เลิกเลยแบบไม่มีเหตุผลเช่นกัน เรียกได้ว่ารักง่าย หน่ายเร็ว เป็นคนที่รักพวกพ้องเพื่อนฝูงเอามาก ๆ ใครไม่เป็นพวกข้า ไม่ดีด้วย จนในบางครั้งดูเหมือนดื้อและก้าวร้าวมาก อารมณ์บางครั้งก็ขึ้น ๆ ลง ๆ จะตัดสินใจทำอะไรได้แต่ละ อย่างคิดอยู่นั้นแหล่ะ (ลังเล) ไม่ค่อยเชื่อมั่นในตัวเอง มักต้องรอจังหวะ เหมื อนตาชั่ง (สัญลักษณ์) กว่าตาชั่งที่เอียงไปเอียงมาจะตรงหรือสมดุลกันได้ก็เล่นเอานานเหมือนกัน ขยันทำงานฉลาดในการทำธุรกิจ มีความสุขุมรอบคอบและเยือกเย็นได้แต่สิ่งที่ควรระวังก็คือมักเชื่อคนง่าย จึงมักมีสิทธิ์โดนหลอกใช้ได้เหมือนกัน

<คนเดือนพฤศจิกายน>

คน เดือนนี้เป็นคนที่ดูแล้วค่อนข้างจะลึกลับ ถ้าไม่สนิทกันจริงไม่ค่อยเล่าเรื่องของตัวเองให้ใครฟัง ค่อนข้างไม่ค่อยไว้ใจใครง่าย ๆ มีความระแวดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา เป็นคนที่เก็บความรู้สึกเก่ง เก็บความลับเก่ง ชอบทำตัวลึกลับ มีความในใจซ่อนเร้น มีความสงสัยอยู่ตลอดเวลา มีความทิฐิมานะ วางท่า ไว้ตัว ทำตัวเหมือนหยิ่ง อดทน อดกลั้น แต่ถ้ามีอารมณ์โกรธฉุนเฉียวขึ้นมาล่ะก็ กล้าเผชิญกับทุกสิ่ง จะหนาไหนหรือใหญ่แค่ไหนก็ไม่ค่อยกลัวช่างประชดประชัน เหน็บแนมเก่งมาก คำพูดคำจาบางทีชอบพูดแรง ๆ ตรงเกินกว่าที่คนรอบข้างจะรับได้แต่ก็พูดออกมาจากใจจริงของตัวเองนะ เป็นคนขี้งอนใจน้อย อารมณ์แปรปรวน เอาแต่ใ จเจ้าอารมณ์ไม่ค่อยสนใจใส่ใจใคร ดูเหมือนดุร้าย ไม่น่าเข้าใกล้ จนบางครั้งคนรอบข้างจะคิดว่าเป็นบ้า แต่แท้ที่จริงแล้ว ทำไปเพื่อจะป้องกันหรือปิดบังอะไรบางอย่าง ที่เป็นปมด้อยในตัวเองที่ไม่อยากให้ใครรู้ เป็นคนฉลาดเจ้าความคิดจะตายไป ชอบพลิกแพลงเอาชนะด้วยมันสมอง ไม่ค่อยชอบใช้กำลังสักเท่าไร มักมีเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิงในการทำธุรกิจด้านความรักก็มักแต่งงานช้า หรือหาคนถูกใจยากสักหน่อย เพราะมัวแต่ขี้ระแวงอยู่นั่นแหล่ะ และไม่ค่อยชอบให้ใครมาจู้จี้มากนัก มีโลกส่วนตัวสูง แต่ก็เข้าได้กับทุกคนนะ เพียงแต่คนอื่นอ่านไม่ค่อยออก ก็เท่านั้นเอง

< คนเดือนธันวาคม>
ด้วย ความชอบผจญภัยให้อยากอยู่บ้านแทบตาย ยังไงก็ต้องมีเหตุอันให้ต้องออกจากบ้านจนได้ ในชีวิตมักต้องไปได้ดีเอาไกลบ้าน ไกลเมือง ไกลถิ่นฐานที่เกิด หรือได้คนรักในแดนไกลแล้วชีวิตจะดีกว่า เป็นคนที่มักโชคดีเรื่องการเงิน เป็นคนอารมณ์ดี ขี้เล่นชอบพูด ชอบเล่าอะไรสนุกสนาน จนในบางครั้งเกินความเป็นจริงไปซะไกลเลยเชียว ชอบที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ เพิ่มเติมจากที่ตัวเองรู้ชอบพัฒนาชอบสำรวจ สามารถให้คำปรึกษากับคนรอบข้างได้ดี เพราะเป็นผู้รอบรู้และเป็นนักวางแผนที่ดีได้ เป็นคนที่ฉลาดและรอบคอบ คิดสร้างสรรค์อะไรมักจะไปเจริญหรือเป็นจริงได้ในอนาคต คือมีความคิดที่ก้าวไกลกว่าคนอื่น ๆ เหมือนหยั่งรู้อนาคตได้ยังงั้นแหล่ะ สามารถแก้ไขปัญหาได้ดี มีรสนิยมดีตรงไปตรงมาและ จริงใจ ชอบการเดินทาง เปิดหูเปิดตา ชอบกีฬา เรียกว่าอยู่นิ่ง ๆ ไม่ค่อยเป็น และชอบที่จะเป็นอิสระมากว่ามีเจ้านายคอยควบคุม อยากจะแสดงความสามารถที่มีอยู่ให้ใคร ๆ เห็นมากกว่า ชอบแหกกฎ อาจเป็นได้ว่าความถือดีว่าตัวเองมีปัญญาฉลาดกว่าคนอื่น เป็นคนที่โกรธง่ายหายเร็ว แต่อย่าย้ำซ้ำเติมความผิด ของเก่านะ จะไม่ค่อยยอมรับผิดหรือแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ด้วยเลยล่ะ ทำให้เราเสียอารมณ์เปล่า ๆ ด้านความรักเป็นคนที่ไม่ชอบแฟนขี้หง ถ้าให้อิสระคนเดือนนี้จะรักตายเลยล่ะ

วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ความรักหรือเงินอันไหนสำคัญกว่ากัน

ปัจจุบันนี้หลายคนยอมรับว่าเงินทองเป็นสาเหตุลำดับต้น ๆ ของการทะเลาะกันของคู่สมรส ด้วยเหตุนี้ ก่อนจะจูงมือกันเข้าสู่ประตูวิวาห์ หนุ่มสาวควรต้องจับเข่าคุยกันในเรื่องต่อไปนี้ให้เรียบร้อยก่อนจะตัดสินใจร่วมหอลงโลงกัน


  1. บัญชีธนาคาร ควรจะเปิดบัญชีร่วมกันหรือแยกกันคนละบัญชี คำตอบคือเปิดบัญชีร่วมกันสำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และเงินออม แต่แยกบัญชีค่าใช้จ่ายส่วนตัว

  2. ค่าใช้จ่าย ควรแบ่งกันจ่ายดีไหม และแต่ละฝ่ายควรแบกรับภาระต่างกันอย่างไร หรือถ้าอีกฝ่ายมีรายได้มากกว่าคุณจะจัดการอย่างไรเมื่อมีใบเรียกเก็บเงินค่าสินค้าที่ต่างคนต่างซื้อ
  3. นิสัยด้านการเงิน คนเราแบ่งออกเป็นคนมือเติบ(พวกที่มักจะคิดว่า "คนเราเกิดหนเดียว") คนช่างเก็บ (เงินเป็นเครื่องมือที่จะพาชีวิตไปสู่เป้าหมายบางอย่าง) คนใจบุญ (ชอบใช้เงินกับเรื่องของคนอื่น แต่ทีเรื่องของตัวเองมักจะเขม็ดแขม่) และคนตระหนี่ (ซึ่งมักวิตกว่าหากเกิดเหตุฉุกเฉินจะไม่มีเงินใช้จ่าย) คุณกับคู่สมรสจัดอยู่ในประเภทใด และจะพบกันครึ่งทางได้ไหม

จริงอยู่ เงินทองไม่ใช่เรื่องที่จะหยิบยกมาพูดกันได้ง่าย ๆ แต่บางครั้ง การพูดกันให้กระจ่างตั้งแต่แรกก็อาจช่วยประคับประคองชีวิตสมรสให้ตลอดรอดฝั่งได้

แล้วคู่ของคุณหล่ะ แก้ไขปัญหานี้อย่างไร

วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ทำไม คิดถึง อย่าปล่อยให้เขารอนาน นาน

เมื่อวันสงกรานต์ที่ผ่านมา เป็นเวลาที่ดิฉันดีใจมาก เนื่องจากเป็นวันหยุดหลายวันและแน่นอนที่สุดก็คือต้องกลับบ้าน ครอบครัวของเราโชคดีที่มีรถส่วนตัวเลยจะกลับเวลาไหนก็ได้พอกลับไปถึงบ้าน พ่อแม่ก็ดีใจ ญาติพี่น้องก็ดีใจที่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา ร่วมกันทำบุญร่วมกันทำอาหารกินกันพบปะพูดคุย ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันอย่างสนุกสนานครื้นเครง แล้วเราก็ไปขอพรกับ ปู่ย่า ตายาย ตามประเพณีโบราณของไทย
วันที่เรากลับถึงบ้าน ทางเข้าหมู่บ้านของจะมีศาลาพักผู้โดยสาร ดิฉันก็ได้พบกับยายแก่ กับหลานอีก 2 คน นั่งอยู่นั่น ตั้งแต่เราไปถึง ก็ไม่ได้เอะใจอะไร นึกว่าผู้โดยสารมาคอยรถ วันที่สอง ก็ได้ไปตลาดเพื่อหาซื้ออาหารพื้นบ้านของโปรด ก็ได้ผ่านศาลารอรถผู้โดยสารหน้าหมู่บ้านอีกก็ได้เจอยายแก่กะหลาน 2 คนอีกเหมือนเดิม ก็เริ่มเอะใจว่าทำไมยายหลานไม่ไปไหนหรอ แต่ก็ไม่ได้ถามไถ่อะไร ปรากฎว่าตลอดสามวันที่ผ่านมาดิฉันก็เริ่มสังเกตว่า ได้เห็นยายแก่กะหลานสองคนนั่งรอที่ศาลาผู้โดยสาร อยู่เหมือนเดิม และดิฉันก็คิดไว้ว่าจะต้องถามให้รู้เรื่องว่า ยายพาหลานมารออะไร จนวันที่ 4 หลังจากดิฉันกลับจากตลาดก็ได้เปิดประตูรถถามยายว่า "ยายจะเข้าบ้านไหม ติดรถหนูไปก็ได้ " ยายตอบว่า เปล่าจะรอลูก ออ ดิฉันก็เลยเข้าใจว่าแกจะรอลูก ก็เลยเข้าหมู่บ้านไป จน วันจะกลับ ดิฉันก็ยังเห็นยายหลานนั่งอยู่ที่ศาลาพักผู้โดยสารที่เดิม และดิฉันคิดไว้ว่าจะต้องถามให้รู้เรื่อง แล้วก็ได้เข้าไปถามยาย "ว่ายายตกลงยายรออะไรกันแน่" ทั้งๆ ที่คนอื่น ๆ ก็ทยอยเข้าเมืองเพื่อไปทำงานกันเกือบหมดหมู่บ้านแล้ว แล้วดิฉันก็ได้คำตอบ ทำให้น้ำตาแทบร่วง ยายมารอลูกสาวของยาย โดย ยายพาหลาน ๆ มารอเผื่อว่าลูกสาวของยายจะกลับบ้านเหมือนคนอื่น ๆ เขา แม่ก็เฝ้ารอลูก และ ลูก 2 คนก็เฝ้ารอแม่ แล้วดิฉันก็ถามยายว่า ตกลง ลูกสาวยายกลับบ้านใหม่สงกรานต์ปีนี้ ยายตอบว่า ถ้ามายายคงไม่ต้องมารออยู่แบบนี้
ท่านผู้อ่านเคยคิดบ้างไหมว่า ทำไมช่วงสงกรานต์ ปีใหม่ ทำไมรถโดยสาร รถทัวร์ รถไฟ ถึงได้เต็ม การเดินทางถึงได้แน่นขนัดด้วยผู้คน เพราะสาเหตุนี้หล่ะ ทำให้ดิฉันคิดว่า ถึงจะลำบากยากเย็นแค่ไหน รถติดเพียงไร ปีใหม่ หรือสงกรานต์ ดิฉันให้คำมั่นกับตัวเองว่าจะต้องกลับบ้านให้ได้แน่นอน จะไม่ยอมให้คนที่รักเราที่สุดต้องรอเรา
แล้วท่านหล่ะรู้สึกอย่างไร อย่าปล่อยให้เขารอเรา นาน นาน

วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

รักต่างวัย... แต่ใจเราตรงกัน

...ความรักของฉัน...ครั้งนี้.. มันแปลก..
วันหนึ่งฉันรู้สึกเหงาๆ เศร้าๆ อยากมีเพื่อนคุย แต่วันนั้นเป็นวันหยุดและฉันต้องอยู่บ้านคนเดียว ไม่รู้จะไปเที่ยวไหน ฝนก็ตก ฉันก็เลยตัดสินใจ เข้าไปในโลกของไซเบอร์ ที่มีทุกๆ อย่างที่เราต้องการค้นหา ฉันได้เข้าไปในเวปไซต์ประจำที่คุ้นเคยที่ฉันเคยเล่นเกือบทุกครั้งที่รู้สึกเหงา ฉันก็ได้รู้จักกับ ผู้ชายคนหนึ่ง เค้าอายุน้อยกว่าฉันตั้ง 5 ปี เขาขอฉันเป็นแฟนด้วยนะ แต่ว่า ฉันเฝ้าบอกเค้าว่า ฉันไม่คบเด็กเป็นแฟนหรอกนะ ไม่อยากคบเด็กสร้างบ้าน และที่สำคัญ ฉันยังไม่พร้อมที่จะมีใครในตอนนี้เพราะว่า ฉันเพิ่งผิดหวังกับความรักมา ฉันเพิ่งหย่ากะสามีและเรือพ่วงมาอีก 1 ลำ ที่ฉันต้องทำมาหาเลี้ยงลูก และยิ่งเลวร้ายไปกว่านั้น สามีเก่าของฉัน ไม่ได้ส่งเสียเลี้ยงดูลูกช่วยฉันเลย ทำให้ฉันไม่อยากมองเด็กอายุ 24 อย่างเขา แต่ฉันยังไม่ได้เล่าเรื่องของฉันให้เขาฟังในตอนแรกหรอกนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะโกหกหรอกนะ แต่ว่า ฉันคิดว่า ฉันท่องโลกไซเบอร์มานก็นานแสนนาน หาความจริงใจจริงๆ หน่ะ ยากมาก เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร เลยหล่ะ แต่ฉันก็ยังคุยกะเค้านะ คุยเพราะอยากมีเพื่อนคุยก็เท่านั้น แต่ยิ่งคุย ฉันก็มีความรู้สึกว่า "ผู้ชายคนนี้" เป็นเด็ก..แต่เป็นเด็กที่มีสมอง ไม่ใช่เพราะว่าฉันว้าเหว่หรอกนะ ... จากที่คุยกัน ทางเนต ก็กลายเป็นโทรศัพท์คุย และแล้ววันหนึ่ง เขาก็ให้พี่ชายของเขาคุยกับฉัน แล้วพี่ชายเขาก็ถามเรื่องส่วนตัวของฉัน"......" เคยแต่งงานหรือยัง .. เป็นคำถามที่ฉันอึ้งไปเล็กน้อย แต่เป็นคำถามที่ฉันต้องตอบด้วยหรือ ฉันถามตัวเอง และ แล้ว เขาก็ถามและบอกให้ฉันต้องตอบ ฉันถามเค้าว่าเป็นคำถามที่ฉันต้องตอบด้วยหรือ เขาบอกว่า จำเป็นต้องตอบ ฉันก็เลยบอกเค้าไปว่า "หากฉันตอบความจริงให้เธอฟัง ทุกอย่างระหว่างเราก็จบลงแค่นี้ก็แล้วกันนะ และฉันจะไม่โทรหาเธออีก และจะไม่รับสายของเธอตลอดไป.." เขาก็ตอบมาตามสายว่า "เพื่อแลกกับความจริงใจ และการไม่โกหกกัน ก็ตกลง" ฉันรุ้สึกเศร้าลึกๆ เจ็บ แปล๊บ แต่จำเป็นต้องเล่าความจริงให้เขาฟังทั้งหมด .. เขาก็คงอึ้งและเงียบ และบอกกับฉันบว่า ต่อไปอย่าเห็นผู้ชายเป็นของเล่นแบบนี้อีกนะ ฉันไม่เข้าใจ ทำไมแค่เด็กจะมาจริงใจอะไรกับฉันรึ วันนั้น ฉันรับปากกะพี่ชายเค้าว่า จะดูดวงให้พี่ชายเขาโดยใช้ กราฟชีวิต และฉันก็บอกเขาว่าจะโทร.หาเรื่องดูดวงให้พี่ชายเขาเป็นครั้งสุดท้าย วันนั้นฉันทำงานไม่ได้เลยไม่มีสมาธิ คุณ เคยเขาเข็มไปทิ่มตัวเองไหม หัวใจของฉันตอนนั้น มันก็เป็นแบบนั้นหล่ะ เจ็บแปล๊บๆ แต่ฉันก็ต้องทำใจ และต้องยอมรับกับความจริง เขาบอกว่าเขายอมรับไม่ได้ที่ฉันโกหก แต่เขายอมรับได้ที่ฉันเคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว แต่ฉันไม่เข้าใจทำไมคนรอบข้างของฉันมักจะมองผู้หญิงที่เป็นหม้ายว่า เป็นผู้หญิงไม่ดี ซึ่งฉันเองก็คิดว่าเขาคงจะคิดแบบนั้นเหมือนกัน โลกก็ไม่เข้าข้างฉันเอาซะเลย แบตเตอร์รี่มือถือของฉันก็หมด ไม่สามารถติดต่อกันได้เลย ฉันเศร้าอยู่ทั้งวัน เขาคงไม่รู้หรอก .. ตกเย็นฉันเลิกงานกลับบ้าน ชาร์ตมือถือ และเปิดเครื่องเห็นข้อความที่ส่งเข้ามาบอกว่า "หนิง ขอโทษนะ เราคืนดีกันนะ ปุ๊ไม่อยากทำร้ายตัวเองมากไปกว่านี้ " คุณรู้ไหม ฉันดีใจจนน้ำตามันมาจากไหนก็ไม่รู้ เพราะนานแสนนานแล้วที่ฉันไม่ได้ร้องไห้ หลังจากที่ฉันรู้ว่าสามีเก่าของฉันมีภรรยาลับๆ อีก สองคน น้ำตามันแห้งเหือด แต่กลับมาร้องไห้ด้วยความดีใจ ที่ได้ยินคำขอโทษจากข้อความของเขาเขาเป็นคนน่ารัก พูดคำไหนคำนั้น ไม่ชอบการโกหก (ใครบ้างหล่ะที่ชอบการโกหก) เขาไม่เคยโกหก และพูดความจริงกับฉันเสมอ แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือ เราไม่เคยเห็นหน้ากันเลย แต่เราก็เศร้าได้มากมายขนาดนี้เลยหรือ ตอนเย็น ฉันก็ฟอร์มจัด แกล้งทำเป็นโทร.ไปหาพี่ชายเค้าเพื่อที่จะดูดวงให้ตามปกติ แต่เขาก็ถามฉันว่า สบายดีไหม เป็นอย่างไรบ้าง เขาทรมานเหลือเกิน ฉันอยากบอกเค้าว่าฉันก็ทรมานเหมือนกัน แต่ก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะเป็นความรัก มันคงไม่ใช่ความรักหรอก มันคงเป็นความเหงา ว้าเหว่มากกว่า ฉันก็เลยได้แต่เงียบ และถามใจตัวเอง สุดท้ายเขาก็เอ่ยปากออกมาว่า เราดีกันเหมือนเดิมได้ไหม ผ่านไป 2 ชม. ฉันถึงได้คำตอบเค้าว่า "ตกลง" หลังจากนั้นเราก็ตกลงคบกันเป็นแฟน ฉันอายุ 29 เค้าอายุ 24 มันต่างกันมากไหมหล่ะ เราแลกรูปกัน โดยส่งทางจดหมาย เค้ายังเด็กมาก แต่ฉันสิ แก่ แก่ สุดๆๆ เรย เค้าบอกฉันว่า "หากปุ๊ต้องการผู้หญิงสวย ปุ๊หาซื้อเอาแถวๆ นี้ก็ได้มีเยอะแยะ เงินก็มี แต่จะหาคนจริงใจที่รักจริงไม่หวังสิ่งของ หรือเงินทองจากเค้าหน่ะมีไหม หาคนที่ทุ่มเทให้เค้าได้เหมือนหนิง หน่ะมีไหม" ฉันประทับใจมากๆ กับคำพูดของเค้า .........คุณคิดว่าฉันควรจะทำอย่างไหรต่อไปดี..

"มะรุม" พืชที่ควรมีไว้ในบ้าน

มะรุม ต้นไม้มหัศจรรย์

คัดย่อจากหนังสือ "มะรุม ต้นไม้เพื่อชีวิต" ของคุณ วิไลวรรณ อนุสารสุนทร
ผลจากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ได้พิสูจน์คุณค่าทางโภชนาการของใบมะรุม ดังนี้
ใบมะรุม
มีไวตามีน C มากกว่าส้ม 7 เท่า
มีแคลเซี่ยม มากกว่านม 4 เท่า
มีไวตามีน A มากกว่าแครอท 4 เท่า
มีโปรแตสเซี่ยม มากกว่ากล้วย 3 เท่า
มีโปรตีน มากกว่า นม 2 เท่า

ประโยชน์จากส่วนต่างๆของต้นมะรุมใบสด
เพื่อให้ได้ประโยชน์เต็มที่ ควรรับประทานใบสด ที่ไม่แก่ หรืออ่อนเกินไป การใช้ใบสดปรุงอาหารต่างๆ สามารถทำได้ตามความต้องการและความถนัด เนื่องจากใบมะรุมมีธาตุเหล็กสูง ฉะนั้นจึงไม่ควรให้ทารกในวัยเจริญเติบโตถึง ๒ ขวบ รับประทานในปริมาณที่มากเกินไป

ใบมะรุมสด ก็เหมือนผักใบเขียวทุกชนิด ไม่ควรรับประทานเป็นจำนวนมาก เพราะจัดเป็นยาถ่ายประเภทหนึ่ง เมื่อเริ่มรับประทาน บางท่านอาจจะมีอาการท้องเสีย อาการต่างๆมิได้เกิดขึ้นกับทุกคน เข้าใจว่าเป็นไปตามสภาพร่างกายของแต่ละคน บางคนอาจจะมีผื่นคัน เป็นลมพิษทันทีหลังรับประทาน

ท่านอาจารย์ สุทธิวัสส์ คำภา ได้ให้คำอธิบายว่า เป็นผลมาจากการที่ร่างกายได้สะสมสารพิษไว้เป็นจำนวนมาก หากเกิดอาการเช่นนั้น ให้หยุดรับประทานชั่วคราว ทำเช่นนี้หลายๆครั้ง อาการจะดีขึ้นตามลำดับ

การรับประทานใบสด ไม่ควรถูกความร้อนนาน เพราะจะทำให้สูญเสียสารอาหารหลายชนิด ใบสดใช้จิ้มน้ำพริก ใสแกง ใส่สลัด และใส่แซนด์วิช ใบสดเปล่าๆจะมีรสเผ็ด แต่เมื่อนำมารับประทานกับข้าวหรือแซนด์วิช จะไม่รู้สึกเผ็ดเลย

การรับประทานน้ำคั้นใบมะรุมสด ดื่มวันละ 1 ช้อนโต๊ะ จะสามารถรักษาอาการของโรคเบาหวานได้และควบคุมความดันโลหิตสูงได้ด้วย การรับประทานใบสดวันละ 1-3 กิ่ง หรือใช้ประกอบอาหาร จะทำให้มีสุขภาพแข็งแรง ไม่เป็นหวัด ไม่ปวดศรีษะอย่างรุนแรง

การรับประทานใบตากแห้ง จะให้ผลดีกว่าใบสด เพราะสามารถรับประทานได้มากกว่า สะดวกในการพกพา ช่วยรักษาอาการปวดเมื่อยตามข้อกระดูกภายในระยะเวลาประมาณ 1 เดือนการทำใบมะรุมตากแห้ง

ก่อนเก็บ 1วัน ให้ฉีดน้ำล้างใบให้สะอาด จากนั้นนำไปผึ่งให้แห้งในที่ร่ม ใบแห้งสนิทใบจะกรอบแตกง่าย ถ้าไม่แห้งให้เปิดเตาอบ อุณหภูมิเท่าแสงแดด ใส่ใบมะรุมเข้าไปอบประมาณ 10 นาที ถ้าจะเก็บไว้ดื่มเป็นน้ำชา ให้เก็บเข้าในขวดที่ทึบที่แสงผ่านเข้าไม่ได้ป้องกันการเสื่อมคุณภาพ หรือบรรจุแคปซูลไว้รับประทาน

ผล

รับประทานได้ทั้งฝักอ่อนและฝักแก่พอสมควรฝักแก่จะใช้ลำบากเพราะต้องปอกเปลือกเช่นใช้แกงส้มหรือขูดเอาแต่เนื้อใน มาทำแกงกะหรี่ ฝักอ่อนขนาดถั่วฝักยาวสามารถนำมาทำอาหารได้มากมายหลายชนิด อาทิ เช่น แกงส้มฝักมะรุม ฝักมะรุมอ่อนผัดน้ำมันหอย ยำฝักมะรุมอ่อน (เหมือนยำถั่วพลู) สลัดสดใบมะรุมผักรวม ทอดมันปลากับฝักมะรุมอ่อน แกงเลียงฝักมะรุมอ่อนและใบมะรุม แกงเผ็ดฝักมะรุมอ่อน ไข่ยัดไส้ใบมะรุมหมูสับ ดอกมะรุมชุบไข่ทอด ผัดพริกขิงฝักมะรุมอ่อน ผัดจืดฝักมะรุมอ่อนใส่ไข่และกุ้ง ผัดเผ็ดฝักมะรุมอ่อนยอดพริกไทยกับไก่ ฝักมะรุมอ่อนผัดขี้เมา ไก่อบฝักมะรุมอ่อน ยอด ดอก และฝักมะรุมอ่อนจิ้มน้ำพริก ต้มจืดหมูสับใบมะรุมอ่อน ผัดฝักมะรุมอ่อนกับเห็ดสดต่างๆ ราดหน้าฝักและใบมะรุมอ่อนไก่/หมู แกงจืดใบมะรุมอ่อนเต้าหู้ ผัดฝักมะรุมอ่อนกับเห็ดหูหนู จีน แกงจืดวุ้นเส้นใบมะรุมอ่อนใส่เห็ดสด แกงเขียวหวานหรือแกงแดงฝักมะรุมอ่อน (จะใส่เนื้อ หรือไก่ก็ได้ตามแต่ชอบ) ยอด ดอก และฝักมะรุมอ่อนชุบแป้งเทมปุระทอด เหล่านี้เป็นต้น

เมล็ด

สามารถนำเมล็ดมะรุมมาสกัดน้ำมันเพื่อใช้ประโยชน์ได้มากมายเช่นใช้ทำอาหารได้ รักษาโรคปวดตามข้อ โรคเก๊า รักษาโรครูมาติซั่ม และรักษาโรคผิวหนัง แก้ผิวแห้ง ใช้แทนยารักษาผิวให้ชุ่มชื้น รักษาโรคอันเกิดจากเชื้อรา

เปลือกจากลำต้น

นำมาสับให้เป็นชิ้นเล็กๆใส่ผ้าห่อทำเป็นลูกประคบนึ่งให้ร้อนนำมาใช้ประคบ แก้โรคปวดหลัง ปวดตามข้อได้เป็นอย่างดี * ร้านขายยาจีนนำมาใช้เข้าเครื่องยาจีนรักษาโรคหลายประเภท*

กากของเมล็ด
กากที่เหลือจากการทำน้ำมันสามารถนำมาใช้ในการกรองหรือทำน้ำให้บริสุทธิ์เป็นน้ำดื่มได้กากของเมล็ดมีคุณสมบัติเป็นยาฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพสูงเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นนำมาทำปุ๋ยต่อได้

ดอก

ใช้ต้มทำน้ำชาใช้ดื่มช่วยให้นอนหลับสบาย

จากอาหารมาเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพ
ปัจจุบันชาวญี่ปุ่นผลิตชาใบมะรุมออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบุว่าใช้แก้ไขปัญหาโรคปากนกกระจอก หอบหืด อาการปวดหูและปวดศรีษะ ช่วยบำรุงสายตา ระบบทางเดินอาหาร และช่วยระบายกาก ประเทศอินเดีย หญิงตั้งครรภ์จะกินใบมะรุมเพื่อเสริมธาตุเหล็ก แต่ที่ประเทศที่ฟิลิปปินส์และบอสวานาหญิงที่เลี้ยงลูกด้วยนมจะกินแกงจืดใบมะรุม (ภาษาฟิลิปปินส์ เรียก “มาลังเก”) เพื่อประสะน้ำนมและเพิ่มแคลเซียมให้กับน้ำนมแม่เหมือนกับคนไทย

ประโยชน์ของมะรุม
1.ใช้รักษาโรคขาดอาหารในเด็กแรกเกิดถึง 10 ขวบ และลดสถิติการเสียชีวิต พิการ และตาบอดได้เป็นอย่างดี โดยผ่านทางน้ำนมมารดา
2.ใช้รักษาผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานให้อยู่ในภาวะควบคุมได้ สามารถลดการใช้ยาลงได้
3.รักษาโรคความดันโลหิตสูงให้อยู่ในภาวะควบคุมได้
4.ช่วยเพิ่มและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ทานผลิตผลจากมะรุมในระหว่างตั้งครรภ์ เด็กที่เกิดมาจะไม่ติดเชื้อHIV นอกจากนี้ถ้ารับประทานอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 ครั้งยังช่วยให้คนทั่วๆไปสามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น
5.ช่วยรักษาผู้ป่วยโรคเอดส์ให้อยู่ในภาวะควบคุมได้ การรักษาโรคเอดส์ที่ประสพผลสำเร็จในกลุ่มประเทศแอฟริกา
6.ถ้ารับประทานสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันไม่ให้เป็นโรคมะเร็ง แต่ถ้าหากเป็นก็จะช่วยให้การรักษาพยาบาลง่ายขึ้น ในบางกรณีสามารถหยุดการเจริญเติบโตของโรคร้ายได้ ถ้าใช้ควบคู่ไปกับยาแพทย์แผนปัจจุบัน หากผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งได้รับการรักษาด้วยรังสี การดื่มน้ำมะรุมจะช่วยให้การแพ้รังสีฟื้นตัวเร็วขึ้นและมีร่างกายที่แข็งแรง
7.ช่วยรักษาโรคไขข้ออักเสบ โรคเก๊าท์ โรคกระดูกอักเสบ โรคมะเร็งในกระดูก โรครูมาติซั่ม
8.รักษาโรคตาเกือบทุกชนิด เช่น โรคตามืดตามัวเพราะขาดสารอาหารที่จำเป็น โรคตาต้อ เป็นต้น หากรับประทานสม่ำเสมอ จะทำให้ตามีสุขภาพที่สมบูรณ์
9.รักษาโรคลำไส้อักเสบ โรคเกี่ยวกับท้อง ท้องเสีย ท้องผูก โรคพยาธิในลำไส้
10.รักษาปอดให้แข็งแรง รักษาโรคทางเดินของลมหายใจ และโรคปอดอักเสบ หอบหืด และโรคภูมิแพ้
11.ช่วยเชื่อมต่อกระดูกที่หักได้ผลรวดเร็ว
12.ช่วยรักษาโรคคอหอยพอกชนิดมีพิษ
13.เป็นยาปฏิชีวนะ

น้ำมันมะรุม
สรรพคุณ..ใช้หยอดจมูกรักษาโรคภูมิแพ้ ไซนัสโรคทางเดินหายใจ ใช้หยอดหูฆ่าและป้องกันพยาธิในหู รักษาอาการเยื่อบุหูอักเสบ รักษาโรคหูน้ำหนวก ใช้ทาผิวหนังรักษาโรคผิวหนังจากเชื้อราและเชื้อไวรัส รักษาโรคเริม งูสวัด รักษาและบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น ใช้ทารักษาแผลสด หูด ตาปลา ใช้ถูนวดบรรเทาอาการบริเวณที่ปวดบวมตามข้อ รักษาโรคไขข้ออักเสบ เก๊าท์ รูมาติก เป็นต้น

ชะลอความแก่
กล่าวกันว่ามะรุมมีฤทธิ์ชะลอความแก่ เนื่องจากยังไม่พบรายงานการวิจัยเกี่ยวกับมะรุมในด้านนี้ คาดว่าเป็นการสรุปเนื่องจากมะรุมมีสารฟลาโวนอยด์สำคัญคือ รูทินและเควอเซทิน (rutin และ quercetin) สารลูทีนและกรดแคฟฟีโอลิลควินิก (lutein และ caffeoylquinic acids) ซึ่งต้านอนุมูลอิสระ ดูแลอวัยวะต่างๆ ได้แก่ จอประสาทตา ตับ และหลอดเลือดจากการเสื่อมสภาพตามอายุ การกินสารต้านอนุมูลอิสระชะลอการเสื่อมสภาพในเซลล์ร่างกาย

ฆ่าจุลินทรีย์ สารเบนซิลไทโอไซยาเนตโคไซด์และเบนซิลกลูโคซิโนเลตค้นพบในปี พ.ศ. 2507 จากมะรุมมีฤทธิ์ต้านจุลชีพ สนับสนุนการใช้น้ำคั้นจากมะรุมหยอดหูแก้ปวดหู ปัจจุบันหลังจากค้นพบแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหาร Helicobactor pylori กำลังมีการศึกษาสารจากมะรุมในการต้านเชื้อดังกล่าว

การป้องกันมะเร็ง
สารเบนซิลไทโอไซยาเนตไกลโคไซด์ชนิดหนึ่งและสารไนอาซิไมซิน (niazimicin) จากมะรุมสามารถต้านการเกิดมะเร็งที่ถูกกระตุ้นโดยสารฟอบอลเอสเทอร์ในเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวได้ การทดลองในหนูพบว่าหนูที่ได้รับฝักมะรุมเป็นอาการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังจากการกระตุ้นน้อยกว่ากลุ่มทดลอง โดยกลุ่มที่กินมะรุมเนื้องอกบนผิวหนังน้อยกว่ากลุ่มควบคุม

ฤทธิ์ลดไขมันและคอเลสเทอรอล
จากการทดลอง 120 วัน ให้กระต่ายกินฝักมะรุม วันละ 200 กรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักตัวต่อวันเทียบกับยาโลวาสแตทิน 6 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักตัวต่อวันและให้อาหารไขมันมาก

ใบมะรุม 100 กรัม (คุณค่าทางโภชนาการของอาหารอินเดีย พ.ศ. 2537)
พลังงาน 26 แคลอรี
โปรตีน 6.7 กรัม (2 เท่าของนม)
ไขมัน 0.1 กรัม
ใยอาหาร 4.8 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 3.7 กรัม
วิตามินเอ 6,780 ไมโครกรัม (3 เท่าของแครอต)
วิตามินซี 220 มิลลิกรัม (7 เท่าของส้ม)
แคโรทีน 110 ไมโครกรัม
แคลเซียม 440 มิลลิกรัม (เกิน 3 เท่าของนม)
ฟอสฟอรัส 110 มิลลิกรัม
เหล็ก 0.18 มิลลิกรัม
แมกนีเซียม 28 มิลลิกรัม
โพแทสเซียม 259 มิลลิกรัม (3 เท่าของกล้วย)

ทั้งนี้ กลุ่มที่กินมะรุมและยามีคอเลสเทอรอลฟอสโฟไลพิด ไตรกลีเซอไรด์ VLDL LDL ปริมาณคอเลสเทอรอลต่อฟอสโฟไลพิด และ atherogenic index ต่ำลง ทั้ง 2 กลุ่มมีการสะสมไขมันในตับ หัวใจ และหลอดเลือดแดงใหญ่ (เอออร์ตา) โดย
กลุ่มควบคุมปัจจัยด้านการสะสมไขมันในอวัยวะเหล่านี้ไม่มีค่าลดลงแต่อย่างใด กลุ่มที่กินมะรุมพบการขับคอเลสเทอรอลในอุจจาระเพิ่มขึ้น ผู้วิจัยจึงสรุปว่าการกินมะรุมมีผลลดไขมันในร่างกาย ที่ประเทศอินเดียมีการใช้ใบมะรุมลดไขมันในคนที่มีโรคอ้วนมาแต่เดิม การศึกษาการกินสารสกัดใบมะรุมในหนูที่กินอาหารไขมันสูงมีปริมาณคอเลสเทอรอลในเลือดลดลงอย่างมีนัยสำคัญเทียบกับกลุ่มควบคุม นอกจากนี้กลุ่มทดลองมีปริมาณไขมันในตับและไตลดลง สรุปว่าการให้ใบมะรุมเพื่อลดปริมาณไขมันทางการแพทย์อินเดียสามารถวัดผลได้ในเชิงวิทยาศาสตร์จริง

ฤทธิ์ป้องกันตับ
งานวิจัยการให้สารสกัดแอลกอฮอล์ของใบมะรุมกรณีทำให้ตับหนูทดลองเกิดความเสียหายโดยไรแฟมไพซิน พบว่าสารสกัดใบมะรุมมีฤทธิ์ป้องกันตับ โดยมีผลกับระดับเอนไซม์แอสาเทตอะมิโนทรานสเฟอเรส อะลานีนทรานมิโนทรานสเฟอเรส อัลคาไลน์ฟอสฟาเทส และบิลิรูบินในเลือด และมีผลกับปริมาณไลพิดและไลพิดเพอร์ออกซิเดสในตับ โดยดูผลยืนยันจากการตรวจชิ้นเนื้อตับ สารสกัดใบมะรุมและซิลิมาริน (silymarin กลุ่มควบคุมบวก) มีผลช่วยการพักฟื้นของการถูกทำลายของตับจากยาเหล่านี้

ข้อควรระวัง ในคนที่เป็นโรคเลือด G6PD ไม่ควรรับประทาน

"มะรุม" มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Moringa oleifera Lam. วงศ์ Moringaceae เป็นพืชกำเนิดแถบใต้เชิงเขาหิมาลัย เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางที่ถูกปลูกไว้ในบริเวณบ้านไทยมาแต่โบราณ กินได้หลายส่วน ทั้งยอด ดอก และฝักเขียว แต่ใครๆ ก็นิยมกินฝักมากกว่าส่วนอื่นๆ ต้นมะรุมพบได้ทุกภาคในประเทศไทย ทางอีสานเรียก “ผักอีฮุม หรือผักอีฮึม” ภาคเหนือเรียก “มะค้อมก้อน” ชาวกะเหรี่ยงแถบกาญจนบุรีเรียก “กาแน้งเดิง” ส่วนชานฉานแถบแม่ฮ่องสอนเรียก “ผักเนื้อไก่” เป็นต้น

ผู้เฒ่าผู้แก่นิยมกินมะรุมในช่วงต้นหนาวเพราะเป็นฤดูกาลของฝักมะรุม หาได้ง่าย รสชาติอร่อยเพราะสดเต็มที่ มีขายตามตลาดในช่วงฤดูกาล คนที่ปลูกมะรุมไว้ในบ้านเท่านั้นจึงจะมีโอกาสลิ้มรสยอดมะรุม ใบอ่อน ช่อดอกและฝักอ่อน ช่อดอกนำไปดองเก็บไว้กินกับน้ำพริก ยอดมะรุม ใบอ่อน ช่อดอก และฝักอ่อนนำมาลวกหรือต้ทให้สุก จิ้มกับน้ำพริกปลาร้า น้ำพริกแจ่วบอง กินแนมกับลาบ ก้อย แจ่วได้ทุกอย่าง หรือจะใช้ยอดอ่อน ช่อดอกทำแกงส้มหรือแกงอ่อมก็ได้

ส่วนอื่นๆ ของโลกจะใช้ใบมะรุมประกอบอาหารเช่นเดียวกับการใช้ผักขมฝรั่ง หรือปรุงเป็นซอสข้นราดข้าวหรืออาหารแป้งอื่นๆ นอกจากนี้ ใช้ใบตากแห้งป่นเก็บไว้ได้นานโรยอาหาร เช่นเดียวกับที่ภูมิปัญญาอีสานจังหวัดสกลนครใช้ใบมะรุมแห้งปรุงเข้าเครื่อง “ผงนัว” กับสมุนไพรอื่นไว้แต่งรสอาหารมาแต่โบราณ ส่วนฝักอ่อนปรุงอาหารเหมือนถั่วแขก

แพทย์ตามชนบท ใช้เปลือกมะรุมสดๆ ตำบุบพอแตกๆ อมไว้ข้างแก้ม แล้วรับประทานสุราจะไม่รู้สึกเมาเลย

จากประสบการณ์ เนื้อในเมล็ดมะรุม ใช้แก้ไอได้ดี ใบสดมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ มีแคลเซียม วิตามินซี แร่ธาตุและสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก การรับประทานเนื้อในเมล็ด และใบสดเป็นประจำสามารถเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกายได้

แซนฟอร์ด โอส กล่าวไว้ว่า
"ถ้าปลูกมะรุมไว้ในบ้าน ก็เปรียบเสมือนได้ย้ายโรงพยาบาลมาที่บ้านนั่นเอง"

รายละเอียดมากกว่านี้ โปรดไปหาอ่านเองในหนังสือ ส่วนใหญ่จะมีขายในร้านที่จำหน่ายอาหารเพื่อสุขภาพ ชื่อหนังสือ
"นาฬิกาชีวิต ตอน 2 มะรุมต้นไม้เพื่อชีวิต"

.....ส่วนรูปภาพคิดว่าน่าจะมีคนผู้ใจบุญ นำมาลงเป็นภาพประกอบต่อไป...
นึกขึ้นมาได้ นานแล้วที่ไม่ได้กินแกงส้ม มะรุมฝีมือแม่... ตอนเขียน นึกถึงแม่จับใจ อยากกลับไปกินข้าวฝีมือแม่จัง อิอิ..

โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุด

ดิฉันเคยไปทำงานโรงงานสมัยปิดเทอม ดิฉันเห็นรุ่นพี่คนกลุ่มหนึ่งคุยกันเรื่อง "ซื้อโทรศัพท์มือถือ" "จะเอารุ่นไหนดี" แบบไหนดี ตอนเงินโบนัสออก ปรากฎว่า พี่ๆ เขาก็ได้โทรศัพท์รุ่น อย่างที่ใจตัวเองต้องการ แต่ปรากฎมีรุ่นพี่อยู่คนหนึ่งเขาเขียนจดหมายไปถามพ่อแม่ที่บ้านนอกว่าจะซื้อโทรศัพท์ดีไหม เพราะเห็นเพื่อน ๆ เขาซื้อกัน เขามีกัน ก็เลยอยากได้ อยากมีกับเขาบ้าง สองอาทิตย์ผ่านไป รุ่นพี่คนนั้นก็ได้รับจดหมายตอบกลับมาบอกว่า "น้องของแม่จะขายควายที่กำลังตั้งท้องใกล้จะคอลด แต่ต้องการจะขายมันเพราะว่าจะเอาเงินไปเป็นต้นทุนในการทำนาต่อ หากมีเงินเขาก็อยากให้เอาเงินไปซื้อควายมาไว้ จะดีกว่าเพราะครอบครัวของเราก็จน หากมีควายไว้เลี้ยงที่บ้านก็จะทำให้บ้านเรามีหน้ามีตากะเขาบ้างเพราะว่าบ้านเราไม่มีอะไรเลย" รุ่นพี่คนนั้นก็เลยทำตามที่พ่อกะแม่บอก เขาส่งเงินกลับบ้านไปซื้อควาย ตามความต้องการของพ่อแม่ ส่วนรุ่นพี่คนอื่น ก็ได้โทรศัพท์มือถือที่ตัวเองต้องการ โดยวิธีการซื้อเงินผ่อน เพราะโทรศัพท์แพงมากๆๆๆ สมัยก่อน ดิฉันเห็นแล้วว่ารุ่นพี่ที่ซื้อโทรศัพท์นั้นต้องคอยผ่อนค่าเครื่องโทรศัพท์และยังต้องจ่ายเงินค่าโทรศัพท์เป็นรายเดือนอีก เงินค่าแรงของสาวโรงงานก็ไม่ใช่จะมาก ค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนยังเหลือไม่มาก แต่รุ่นพี่คนที่ส่งเงินให้พ่อแม่ซื้อควายนั้นไม่ต้องใช้จ่ายอะไรเลย หลังจากนั้นไม่นานดิฉันก็ออกจากโรงงานเพื่อกลับไปเรียนหนังสือต่อ แต่ก็ยังได้ติดต่อกับรุ่นพี่คนนั้น(คนที่ซื้อควาย) อยู่ และเราก็เขียนจดหมายคุยกัน เนื่องจากสมัยก่อน จดหมายคือวิธีการติดต่อที่ถูกที่สุด และโทรศัพท์มือถือก็ราคาไม่ต่ำกว่าสองหมื่นบาท ถึงจะได้มาครอบครอง และแล้ววันหนึ่ง ดิฉันก็ได้รับจดหมายจากพี่คนนั้น เขาเขียนมาเล่าให้ฟังด้วยความดีใจว่า ตอนนี้ ลูกควายของเขาออกลูกแล้วนะได้ตัวเมีย น่ารักมากๆ เลย เขาไม่นึกเสียใจเลยที่คราวนั้นตัดสินใจที่จะซื้อควายแทนที่จะซื้อโทรศัพท์มือถือแบบเพื่อน ๆ และตอนนี้บ้านของเขาก็มีควาย รวมกันแล้ว ถึง 3 ตัว และลูกตัวแรกก็กำลังจะคลอดแล้ว

ดิฉันรู้สึกดีใจแทนอยากบอกไม่ถูกและทำให้ดิฉันได้จำเป็นบทเรียนและตัวอย่างที่น่านับถือว่า ถึงแม้เขาจะจบแค่ ป.6 และทำงานโรงงานเขาก็ยังมีความคิดที่จะตัดสินใจทำอะไร อย่างถูกต้อง รู้จักการใช้เงินและรู้จักเชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่

ตอนนี้ดิฉันก็มีโทรศัพท์มือถือแค่พอโทร.ออก รับสายเพื่อความสะดวกในการติดต่อสื่อสารเท่านั้นเอง

แล้วคุณหล่ะ มีโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดอยู่หรือเปล่า

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

กฎหมายชาวบ้าน

มรดกของคู่สมรส

วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องของคู่สมรสจะมีสิทธิได้รับมรดกแค่ไหนเพียงไร หากสามีหรือภรรยาถึงแก่ความตายโดยไม่มีทายาท คู่สมรสจะได้รับมรดกมากน้อยแค่ไหนหากสามีหรือภรรยาถึงแก่ความตายโดยไม่มีทายาท คู่สมรสจะได้รับมรดกมากน้อยแค่ไหน ว่าไงค่ะ สนใจไหมหล่ะ
อันที่จริงใครมีประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์อยู่ในมืออยู่แล้วก็สามารถหาคำตอบได้ทันทีแต่หากท่านไม่มี ต้องอ่านกฎหมายชาวบ้านนี่หล่ะมีคำตอบให้ในความเป็นจริงกฎหมายก็เขียนเอาไว้นานแล้ว แต่ชาวบ้านไม่ค่อยเข้าใจหรือบรรดาผู้เป็นภรรยาทั้งหลายอาจยังไม่รู้ว่าตนเองมีสิทธิอะไรบ้าง ขณะที่เรากำลังรณรงค์ในเรื่องสิทธิสตรี งั้นดิฉันขอช่วยอีกแรงนะค่ะ
โดยปกติเมื่อเจ้ามรดกถึงแก่ความตาย สิทธิในการรับมรดกเกิดขึ้นทันที โดยผู้ที่เป็นทายาทมีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตาย เรามาปูพื้นฐานในเรื่องลำดับของสิทธิในการรับมรดกกันก่อนนะค่ะ
กฎหมายบอกว่าทายาทโดยธรรมมีอยู่ 6 ลำดับเท่านั้น นอกเหนือจาก 6 ลำดับนี้แล้ว ไม่ใช่ และทายาทเหล่านี้จะมาแย่งกันรับมรดกไม่ได้ ต้องเป็นลำดับดังนี้ครับ
1. ผู้สืบสันดาน
2. บิดามารดา
3. พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน
4. พี่น้องร่วมบิดาหรือร่วมมารดาเดียวกัน
5. ปู่ ย่า ตา ยาย
6. ลุง ป้า น้า อา
ซึ่งลำดับดังกล่าวข้างต้นนี้ ทายาทลำดับที่ 1 ไม่ตัดทายาทลำดับ 2 หมายถึงว่าถ้ามีลูก ก็ยังให้บิดามารดามีสิทธิได้รับมรดก แต่ถ้าลูกไม่มี มีแต่บิดามารดา ทายาท ลำดับที่ 3 คือ พี่น้องร่วมบิดามารดา เดียวกัน หรือทายาทลำดับถัด ๆ ไป ก็ไม่มีสิทธิได้รับมรดก
ถ้าผู้ตายมีภรรยาหรือสามี (ต้องเป็นภรรยาหรือสามีที่จดทะเบียนสมรสด้วยนะค่ะ) และบุตร และบิดายังมีชีวิตอยู่ทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ในระหว่างที่อยู่กินด้วยกัน ก็ต้องแบ่งครึ่งให้กับฝ่ายที่ยังมีชีวิตกึ่งหนึ่งก่อน (หมายถึงว่าเราไม่พูดกันถึงหนี้สินนะค่ะ) ส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่ง่ก็จะตกเป็นมรดก ทายาทของผู้ตายก็จะมีสิทธิได้รับมรดกก็รับส่วนแบ่งกันไปตามส่วนนะค่ะ และส่วนเท่ากันทุกคนก็คือ พ่อก็ส่วนหนึ่ง แม่ก็ส่วนหนึ่ง ลูกก็คนละหนึ่งส่วน คู่สมรสก็ยังมีชีวิตอยู่ก็หนึ่งส่วนพูดง่าย ๆ ก็คือ เอาจำนวนผู้มีสิทธิได้รับมรดกมาหาร สมมติมีเงินสดอยู่ในธนาคาร 60 ล้าน ครอบครัวนี้มี พ่อ, แม่, ภรรยา และบุตรอีก 3 คน ก็เอา 6 ไปหาร 60 ก็จะได้รับส่วนแบ่งทรัพย์มรดกคนละ 10 ล้าน ค่ะ
ถ้าพ่อแม่ของผู้ตายไม่มี(หมายถึงว่าเขาตายไปก่อนที่เจ้ามรดกจะถึงแก่ความตายไม่ใช่ว่าเขาไม่มีพ่อไม่มีแม่นะ) มีแต่เมียกับลูก ก็จะตกได้แต่เมียกับลูกทั้งหมดเลย
ถ้าผู้ตายไม่มีลูกเมียทรัพย์มรดกจะตกได้แก่บิดามารดาทั้งหมด ถ้าพ่อแม่ผู้ตายยังมีชีวิตอยู่จะมีแต่แม่หรือจะมีแต่พ่อหรือยังมีชีวิตอยู่ทั้งสองคนก็ตาม มีแต่เมียจดทะเบียนแต่ไม่มีลูก ทรัพย์มรดกจะตกได้แก่คู่สมรสครึ่งหนึ่งนะค่ะ
ถ้าพ่อแม่ผู้ตายไม่มีชีวิตอยู่แล้ว บุตรผู้ตายก็ไม่มี มีแต่ภรรยา ทรัพย์มรดกก็จะไปตกได้แก่พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันของผู้ตายครึ่งหนึ่ง คู่สมรสก็ได้มรดกครึ่งหนึ่ง เรียกว่าวัดครึ่งหนึ่งกรรมการครึ่งหนึ่งนั่นหล่ะค่ะ สมมติว่าทรัพย์มรดกหกสิบล้านเท่าเดิม ถ้าเขามีพี่น้อง 3 คน อย่าลืมอย่าพลาดเพราะคู่สมรสจะได้ส่วนแบ่งครึ่งหนึ่งก่อน และส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งคือสามสิบล้าน ก็เจ้าพี่น้อง 3 คนนั่นมีสิทธิได้รับมรดกคนละสิบล้าน คงพอเข้าใจนะค่ะ
คราวนี้ มาดูอีกรูปแบบหนึ่งค่ะ พ่อแม่ก็ไม่มี ลูกก็ไม่มี มีแต่ภรรยา ส่วนพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันของผู้ตายก็ไม่มี มีแต่พี่น้องร่วมแต่บิดามารดาเดียวกัน พวกนี้ก็จะได้รับทรัพย์มรดกไป หนึ่งในสาม ส่วนคุณภรรยาได้รับคนเดียวสองในสามส่วน หรือพี่น้องร่วมแต่บิดาหรือมารดาเกียวกันไม่มี มีแต่ปู่ ย่า ตา ยาย หรือปู่ย่าตายาย ไม่มีเหลือแต่ ลุง ป้า น้า อา อย่างนี้ คู่สมรสก็ได้ไป สองในสามส่วนเช่นกัน ส่วนทีเหลือหนึ่งในสาม ก็เอาไปเฉลี่ยกันเอง
ที่หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดก็เพราะว่า เห็นตัวอย่างในสังคมที่เป็นจริง มีผู้หญิงจำนวนมากที่ไม่รู้ไม่ทราบว่าตนมีสิทธิอะไรบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับสิทธิที่ตนควรจะได้รับ ความเป็นช้างเท้าหลัง ความที่จะต้องอยู่กับบรรดาญาติพี่น้องของสามี ทำให้สตรีเหล่านี้ไม่กล้ามีสิทธิมีเสียง ไม่กล้าลุกขึ้นทวงสิทธิของตนหรืออาจจะเป็นเพราะไม่รู้ว่าตนมีสิทธิเพียงใด
ดิฉันเคยบอกเพี่อนหญิงที่มีสามีแล้ว่า เราหมดสมัยที่เป็นช้างเท้าหลังแล้ว เราควรที่จะกล้าแสดงออก กล้าเรียกร้องในสิ่งที่ถูกต้องจากสามีของเราได้
และดิฉันก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยเพื่อนหญิงของเราได้บ้าง
แล้วท่านหล่ะคิดอย่างไร

ซุบซิบดารา





สื่อกับสังคม



  • ทุกวันนี้ เรามีสื่อต่างๆ ให้เด็กและเยาวชนได้ดูได้สัมผัสกันมาก ไม่ว่าจะเป็นสื่อโทรทัศน์ สื่อวิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่ออินเตอร์เนท แต่เราเคยหันมามองดูกันหรือไม่ว่าสื่อต่างๆ ส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชนมากน้อยขนาดไหน เราอาจมองเห็นแต่ไม่ได้ฉุกคิด หรือคิดแต่ไม่ได้แสดงออก หรือไม่รู้จะจัดการกับสื่อเหล่านั้นอย่างไร



  • เราเคยคิดบ้างไหมว่า เวลาที่มีละครออกอากาศมีเรื่องราวฉากนางเอกถูกนางโกงตบตี ระดับมัธยมต้น ก็จะมีนักเรียนหญิงตบตีกันเป็นว่าเล่น บางเรื่องมีฉากนักเรียนชายตีกัน ก็จะมีเรื่องราวนักเรียนตีกันให้เห็นอยู่บ่อย ๆ แม้จะจัดการอย่างไรก็ยังมีให้เห็นอยู่ตลอด



  • เรารู้สึกบ้างไหมว่าคุณธรรมจริยธรรมของเด็กรุ่นไหม่มีปัญหา เด็กไม่มีสัมมาคารวะ เด็กไม่เคารพสิทธิของผู้อื่น เด็กไม่คิดถึงอนาคตของตัวเอง เด็กไม่รู้จักวิธีหาเงินโดยถูกต้อง เด็กชอบสายไม่อยากทำงานแต่อยากมีเงิน



  • เรารู้สึกบ้างไหมว่าเด็กเรามีปัญหาเลียนแบบญี่ปุ่น เด็กญี่ปุ่นก็มีปัญหา เรากำลังรับอารยธรรมตะวันตกโดยไม่คิด เด็กญี่ปุ่นจะมีแฟขั่นหลุดโลกตามแบบตะวันตกและยิ่งกว่าตะวันตก เด็กเราก็เอาตามยิ่งความประพฤติและการปฏิบัติตัวยิ่งไปกันใหญ่ในฐานะที่ทำงานเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนะ ดิฉันรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ เราพูดกันถึงสิทธิของเด็ก ว่าเราต้องคำนึงถึงสิทธิของเด็ก เด็กจะถูกจำกัดเวลาออกนอกบ้าน ก็จะมีการโวยกันว่าละเมิดสิทธิเด็ก แต่เราไม่เคยพูดกันถึงหน้าที่ของเด็ก ผมพูดอย่างนี้ก็จะมีคนว่าดิฉันหัวโบราณ ไม่ทันสมัย เรารับอารยธรรมที่เรียกว่าประชาธิปไตยมาแต่เรารับมาไม่หมด เรามักเลือกรับในสิ่งที่เป็นประโยชน์แต่ตัวเราแต่เลือกที่จะไม่สนใจประโยชน์สาธารณะ



  • นิสัยการดูโทรทัศน์ของเราก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผู้ปกครองต้องคิดค่ะเพราะว่าเรามักเลี้ยงลูกด้วยโทรทัศน์ พ่อแม่มักไม่ค่อยได้ดูโทรทัศน์กับลูกเพราะอาจจะต้องทำงานไม่มีเวลามาดู ถ้ามีเวลาดูก็จะดูละครโปรด ซึ่งก็จะมีเรื่องราววิถีชีวิตชาวบ้าน หรือวิถีชีวิตของคนเมือง หรือเป็นวิถีชีวิตของคนผู้สูงศักดิ์ จริงอยู่การดูละครคือการสะท้อนเรื่องราวชีวิตของผู้คน แต่ท่านดูละครแล้วเคยบอกลูกบ้างไหมว่าตัวอย่างที่เห็นในละครอมันไม่ดี ไม่ควรกระทำ ดิฉันคิดว่าเรามักไม่คุยกับลูกถึงเรื่องหล่านี้หรอก บางคนมีฐานะดีก็มีทีวีหลายเครื่อง ลูกมีทีวีในห้องนอนลูกก็ดูรายการที่ตนอยากดู แม่ก็ดูละครที่แม่อยากดู พ่อก็ดูฟุตบอลดูมวย ที่พ่ออยากดู การสื่อสารกันระหว่างพ่อแม่ลูกแทบจะไม่มีเลย ดิฉันว่าถึงเวลาที่ครอบครัวจะต้องปรับเรื่องพวกนี้ดูในสิ่งที่เป็นสาระบ้าง เวลาดูละครก็ควรสอนลูกบ้าง ถ้าไม่อยากสอนตรง ๆ ก็พูดเปรยๆ ให้ลูกรู้บ้างว่าสิ่งเหล่านี้มันไม่ควร
  • เราแก้ไขปัญญหาสังคมกันไม่หวาดไม่ไหวเพราะสื่อต่าง ๆ ไม่ยอมรับว่าสิ่งที่ตนสื่ออกมามีผลร้ายกับสังคม ไม่ยอมคิดแก้ไข คิดแต่จะเพิ่มยอดจำหน่าย พ่อแม่ก็อ้างว่าไม่มีเวลาดูแลลูกเพราะต้องทำมาหากิน หาเงินมาเลี้ยงลูก อยากให้ลองคิดในมุมกลับว่า หากเรามีแค่พอกินแก้วลูกเป็นเด็กดีครอบครัวก็มีความสุข กับเราต้องไปทำงานหาเงินมาเพื่อให้ครอบครัวกินดีอยู่ดีมีเงินทองเหมือนคนอื่นโดย "ไม่มีเวลาดูแลลูก" แล้วลูกมีปัญหาอย่างไหนจะคุ้มกว่ากัน เราคนเป็นพ่อเป็นแม่ คงต้องกลับมาคิดใหม่ทำใหม่ว่าเราเป็นผู้ใหญ่ทุกวันนี้เพราะพ่อแม่เลี้ยงดูเราอย่างไร เราถึงได้เป็นตัวเป็นตนมีครอบครัว แล้วเราเลี้ยงลูกเราอย่างที่พ่อแม่เลี้ยงเราหรือกำลังเลี้ยงให้ลูกเราเป็นเทวดา

แล้ว ท่านหล่ะ คิดอย่างไร