วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ไอศกรีม ของชอบของหลาย ๆ คน

ไอศกรีม (Ice cream)
                       คุณคงสงสัยใช่หรือไม่ว่า “ไอศกรีม มันคืออะไรกันนี่ มันอร่อยดี สีสันน่ากิน แต่ไม่ค่อยจะรู้จักดีสักเท่าไร ฉะนั้นมารู้จักความหมายของไอศกรีมกันก่อนแล้วกัน
ความหมายของมันคือ ... ?                     ไอศกรีม คือ ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากอิมัลชัน (emulsion) ของไขมันและโปรตีน พร้อมด้วยส่วนประกอบอื่นที่เหมาะสม หรือได้จากส่วนผสมของน้ำ น้ำตาล กับส่วนประกอบของสารอื่นที่เหมาะสม ซึ่งผ่านการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ด้วยความร้อน นำมาปั่นหรือกวนและทำให้เยือกแข็ง ซึ่งไอศกรีมจัดเป็นอาหารควบคุมเฉพาะ ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 222) พ.ศ.2544 เรื่อง ไอศกรีม จะต้องมี คุณภาพมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งวิธีการผลิต เครื่องมือเครื่องใช้ในการผลิต และการเก็บรักษาอาหาร ภาชนะบรรจุ ตลอดจนฉลากต้องผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาว่ามีความถูก ต้องเหมาะสม จึงจะสามารถผลิตหรือนำเข้าเพื่อออกจำหน่ายได้  
                                          
                 รู้จักความหมายของไอศกรีมไปมากแล้ว อยากจะกินแล้วใช่ไหมล่ะ ฉะนั้นมารู้จักร้านไอศกรีมกันนะ
                      160.gif
ร้านไอศกรีมที่โด่งดัง!!!!
ร้านSwensen’s 
                      Swensen’s ก่อตั้งขึ้นโดย Earle Swensen ซึ่งต้องการที่จะมีร้านไอศกรีมส่วนตัวจึงได้ทำการเปิดร้านไอศกรีมขึ้นที่ San Francisco ในปี 1948 The Minor Food Group คือบริษัทผู้ได้รับเฟรนไชส์ของ Swensen’s ในประเทศไทย รู้จักกันดีกับไอศกรีมซันเด Swensen’s ได้ พัฒนาต่อเนื่องมานานหลายปีจนเกิดเป็นสาขาร้านอาหารบรรยากาศสบายสไตล์ครอบ ครัว ที่ไม่ได้มีเสิร์ฟเฉพาะไอศกรีมเท่านั้น แต่มีทางเลือกที่มากขึ้นอย่างอาหารหลากหลาย ของหวานและเครื่องดื่ม เค้กไอศกรีมและสามารถสั่งห่อกลับบ้านได้             
                             เวลา 26 ปี ในสิงคโปร์ Swensen’s กลายเป็นชื่อที่คุ้นเคย แรกเริ่ม Swensen’s เปิดเป็นร้านอาหาร 200 ที่นั่ง ที่ Thomson Plaza ในปี 1979 ปัจจุบันมีสาขาร้านอาหารบริการครบ 21 สาขา เสิร์ฟเมนูตลอดช่วงวันทั้งอาหาร และไอศกรีมซันเด ล่าสุดมีสิ่งที่เพิ่มเติมสำหรับครอบครัวคือ Swensen’s at Compass Point เปิดเมื่อ กันยายน ปี 2005                                                
            
                                     สาขาทุกสาขามีบริษัท ABR Holdings จำกัด เป็นเจ้าของและบริหารงาน เป็นบริษัทที่มีรายชื่ออยู่ในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ รวมไปถึงการจัดการแฟรนไชส์ใหญ่ๆ ABR ควบคุมแฟรนไชส์ใหญ่ใน สิงคโปร์ บรูไน ฟิลิปปินส์ ปาปัวนิวกินี ออสเตรเลียและจีน อีกด้วย   Swensen’s ยังพยายามและบรรลุผลสำเร็จในการรับรอง Halal ทั้งในสิงคโปร์และมาเลเซีย
           
ประวัติ Swensen’s
                    ในปี 1948 เมื่อ Earle Swensen เปิดร้านไอศกรีมร้านแรกของเขาในซานฟรานซิสโก บน Russian Hill ได้นำเสนอไอศกรีมแบบที่ว่า ดีเท่าที่พ่อเคยทำ สิ่งเล็กๆที่เขาคิดคือ Swensen’s เป็นชื่อที่ตั้งใจให้เป็นคำที่มีความหมายว่า ไอศกรีมพิเศษอันเอร็ดอร่อย ที่โลกรู้จักกัน                    
                 ตั้งแต่นั้นมาไอศกรีมกว่า 180 รสชาติ ได้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นและเป็นที่ชื่นชอบแก่ผู้คนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทำให้ Earle Swensen ได้ชื่อว่า ”America’s Ice Cream Man” คนรักไอศกรีมทั้งหลายต่างก็เห็นด้วยกับชื่อนี้ เพราะปัจจุบันร้านไอศกรีม Swensen’s มีสาขามากกว่า 200 แห่ง ทั่วโลก ทั้งในเอเชีย, ตะวันออกกลาง, สหรัฐอเมริกา และอเมริกาใต้      
        
คอนเซปต์ของ Swensen’s
                   มีพื้นฐานบนคอนเซปต์ The American Fountain การออกแบบร้าน Swensen’s ได้ทำเป็น dining area รวมเข้าไป มี ลักษณะเป็นบูธ และบรรยากาศงานเลี้ยง ประดับประดาด้วยโคมไฟทิฟฟานี่ แวดล้อมโดยรอบถูกออกแบบให้อบอวลไปด้วยความอบอุ่น และเป็นกันเองด้วยสภาพแวดล้อมที่เป็นกันเองและบรรยากาศสบายๆ Swensen’s ได้สร้างตัวมันเองให้เป็นสถานที่ที่ลูกค้ามากกมายสามารถเข้ามาได้ และแต่งตัวตามสบาย จะมาเป็นกลุ่มเล็กหรือกลุ่มใหญ่ หรือจะเป็นโอกาสพิเศษต่างๆ นี่คือสถานที่ที่คุณสามารถเป็นตัวของคุณเอง
         
ความคิดพื้นฐานของ Swensen’s
                    ด้วยความดึงดูดใจ ไอศกรีมซันเดจึงถูกตั้งมั่นให้เป็นผลิตภัณฑ์หลัก เมนูของ Swensen’s มีมากพอที่จะทำให้ประสบการณ์อาหารเย็นสมบูรณ์แบบ และดึงดูดทุกเพศทุกวัย รูปแบบเมนูอาหารเต็มรูปแบบมาเป็นลำดับจาก ซุปต่อมาเป็นสลัด พาสต้าต่อมาก็ขนมปัง แซนด์วิชและแฮมเบอร์เกอร์ และอาหารหลักประประเภทต่างๆรวมถึง ปลาและมันฝรั่งทอด ที่เคยได้รับความนิยม                             
                           
                             160.gif
ร้าน Baskin Robbins                                      
                 Baskin Robbins ไอศกรีมชื่อดังของอเมริกา กำเนิดขึ้นเมื่อปี 1946 โดย Irv Robbins และพี่เขยของเขาอีกคนคือ Burt Baskin ปัจจุบัน Baskin Robbins มี 34 รสชาติ โดยจะมีการหมุนเวียนกันไปเรื่อยๆ มีสาขา 4,500 แห่งในทั่วโลก โดยในไทยมีอยู่ 70 สาขา
- ปี 1945 Irv Robbins เปิดร้านไอศกรีมชื่อ "Snowbird" มีไอศกรีมให้เลือก 21 รส

- ปี 1946 Irv Robbins ร่วมมือกับ Burt Baskin เปิดเป็น Baskin Robbins
- ปี 1948 พัฒนากลายเป็นบริษัทแบบFranchise
- ปี 1953 เลข 31 กลายเป็นสัญลักษณ์ของ Baskin Robbins หมายถึงรสชาติ 31 รสใน 31 วัน

ปี 1959 เปิดสาขาใน Phoenix, Arizona

- ปี 1967 Burt Baskin เสียชีวิต

- ปี 1968 United Fruit ซื้อ Baskin Robbins

- ปี 1973 The London-based J. Lyons & Co., Ltd. ซื้อ Baskin Robbins

- ปี 1974 Baskin Robbins แปดสาขาต่างประเทศร้านแรกในเบลเยี่ยม

- ปี 1986 Baskin-Robbins Incorporated แยกสาขาเป็น 2 ส่วนคือ Baskin-Robbins USA, Co., และ Baskin-Robbins International      
                                                 
                         160.gif
ร้าน Hagen-Dazs
                   ไอศกรีม Hagen-Dazs แบรนด์ไอศกรีมดังที่ออกจำหน่ายครั้งแรกในปี 1961 โดย Reuben Mattus ผู้ที่เกิดมาในครอบครัวธุรกิจทำไอศกรีม homemade ซึ่งเริ่มแรกไอศกรีม Hagen-Dazs ทำออกมาเพียง 3 รสชาติเท่านั้น คือ รส vanilla, รส chocolate และ รสกาแฟ 

- ปี 1976 Doris ลูกสาวของ Mattus เปิดร้าน Hagen-Dazs ร้านแรกขึ้น

- ปี 1983 Mattus ตกลงใจขาย Hagen-Dazs ให้กับ The Pillsbury Company

- ปัจจุบัน Hagen-Dazs มีจำหน่ายอยู่ 54 ประเทศทั่วโลก Reuben Mattus พ่อ ค้าหนุ่มที่มีความใส่ใจในคุณภาพ และมีจินตนาการที่จะสร้างสรรค์ไอศกรีมที่ดีที่สุด เขาทำงานในธุรกิจไอศกรีมของแม่ ขายน้ำแข็งไสผลไม้ และไอศกรีมหวานเย็น จากเกวียนม้าลากในถนนที่คลาคล่ำของเมืองบรองซ์ ในนิวยอร์ก เพื่อผลิตไอศกรีมที่ดีเยี่ยมที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขายืนยันที่จะใช้ส่วนผสมที่ดีที่สุด และบริสุทธิ์ที่สุดเท่านั้น     
                                                                                                      
                                  ธุรกิจครอบครัวเติบโตและเจริญรุ่งเรืองตลอดทั้งช่วงทศวรรษ 1930 40 และ 50 และในปี 1961 นาย Mattus ตัดสินใจจัดตั้งบริษัทสำหรับไอศกรีมในจินตนาการ เขาเรียกชื่อยี่ห้อใหม่นี้ว่า Hagen-Dazs เพื่อถ่ายทอดประเพณีเก่าแก่ของโลก และความสามารถในวิชาช่างฝีมือที่เหลืออยู่ในตัวเขา Hagen-Dazs เริ่มต้นออกให้ชิมเพียง 3 รสชาติ มี วนิลลา ช็อกโกแลต และกาแฟ แต่ด้วยความใส่ใจในคุณภาพ ในไม่ช้าก็นำพาให้เขาไปใน 4 มุม โลก ส่วนผสมไอศกรีมที่มีความพิเศษของเขาประกอบด้วย ดาร์คช็อคโกแลตจากเบลเยี่ยม และถั่ว วนิลลาคัดมือจากมาดากัสการ์ สร้างประสบการณ์รสชาติที่ดื่มด่ำไม่เหมือนใคร ยี่ห้อ Hagen-Dazs รีบเร่งพัฒนาด้วยความซื่อสัตย์ตามมาเรื่อยๆ Hagen-Dazs ประสบ ความสำเร็จอย่างรวดเร็ว โดยคำยกย่องกันปากต่อปากโดยปราศจากการโฆษณา เรื่องราวของส่วนผสมอันไม่น่าเชื่อ และการปรุงด้วยครีมข้นเผยแพร่ไปอย่างรวดเร็ว ในตอนแรกจะหาได้เพียงที่ Gourmet Shop ในนครนิวยอร์ก แต่ในเวลาต่อมาได้แผ่ขยายไปทั่วทั้งชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา และในปี 1973 ผลิตภัณฑ์ Hagen-Dazs ได้รับการอุดหนุนโดยลูกค้าที่มองเห็นความแตกต่างที่โดดเด่นทั่วสหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นในปี 1976 Doris ลูกสาวของนาย Mattus ได้เปิดร้าน Hagen-Dazs ครั้งแรก มันประสบความสำเร็จในทันที และได้รับความนิยมจนพาให้ขยายร้าน Hagen-Dazs ข้ามประเทศ
                                                                                                  
                                   ในปี 1983 นาย Mattus ได้ขาย Hagen-Dazs ให้กับบริษัท The Pillsbury ที่ยังคงไว้ซึ่งการปฏิบัติเดิมๆในเรื่องคุณภาพที่ดีกว่า และปรับปรุงวิธีการใหม่ๆโดยตั้งอยู่บนพื้นฐานเดิมของ Hagen-Dazs ตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ตั้งแต่นั้นมาก็มีร้านปรากฏไปทั่วโลกใน 54 ประเทศ แต่คุณภาพที่มีการใส่ใจอย่างพิถีพิถันที่ Reuben Mattus ได้สร้างมากับทุกผลิตภัณฑ์ยังคงอยู่ทุกวันนี้ ปัจจุบันคนรักไอศกรีมทั่วโลกต่างยอมรับให้ตรา Hagen-Dazs เป็นตราที่มีความหมายว่าไอศกรีมชั้นเยี่ยมที่ดีที่สุด
               
                                     ตั้งแต่เริ่มแรกมา Hagen-Dazs ได้แสวงหาสิ่งใหม่ๆ และได้นำของหวานเย็นๆ ที่เป็นประสบการณ์ใหม่ๆมาให้ลูกค้า มีรสชาติโดดเด่นไม่เหมือนใคร เช่น Vanilla Swiss Almond, Butter Pecan, และ Dulce de Leche เพิ่งขึ้นชื่อเมื่อไม่นานมานี้ Hagen-Dazs ยังเป็นที่แรกที่แนะนำโลกให้รู้จักกับไอศกรีมบาร์ชั้นดี เปิดตัวในปี 1986
                                   ผลิตภัณฑ์ชั้นเยี่ยมใหม่ๆก็ตามมา อย่าง Frozen Yogurt ในปี 1991 และ Sorbet ในปี 1993 ทุกวันนี้ Hagen-Dazs ยังคงพัฒนาของหวานเย็นๆชั้นเลิศตัวใหม่ๆ ซึ่งออกให้ชิมทุกปีทำไม่เหมือนใคร 
                                   หลักการของ Hagen-Dazs เป็น ไปอย่างไม่ซับซ้อน คือหาส่วนผสมที่บริสุทธิ์ที่สุด และดีที่สุดในโลก และใช้ฝีมือปรุงมันให้เป็นไอศกรีมที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่จะทำได้ มันเป็นทางในการทำธุรกิจที่ว่าเป็น สิ่งพิเศษที่เป็นที่ต้องการ และมันคือเหตุผลว่าทำไมแบรนด์นี้เป็นแบบฉบับยอดเยี่ยมของไอศกรีมชั้นดีเกือบ ครึ่งศตวรรษ
                                      160.gif
ร้าน iberry
                 ร้าน iberry เกิดขึ้นจากเจ้าของได้ไอเดียการทำธุรกิจ จากสมัยที่เป็นแอร์โฮสเตส ได้มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศ ในหลายๆ ประเทศ และในประเทศอิตาลีนี้เอง ได้พบกับร้านไอศกรีมประเภท Home made ที่ ได้นำเอาผลไม้ประจำท้องถิ่นมาเป็นส่วนประกอบ ในการทำไอศกรีม ซึ่งได้รับความนิยมจากลูกค้าอย่างมาก ผิดกับร้านไอศกรีมที่มีสาขาหลายๆ แห่ง แต่ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร จึงเกิดความคิดที่ว่าในประเทศไทย ยังไม่เคยมีร้านไอศกรีมประเภทนี้มาก่อน และน่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการทำธุรกิจขึ้น
                          จากนั้นเมื่อกลับมาประเทศไทย ได้ทดลองนำเอาผลไม้ท้องถิ่น (Local Fruit) ที่มีศักยภาพ (Potential) มาแปรรูปทดลองทำไอศกรีมขึ้น ประกอบกับความชอบส่วนตัวที่ชอบทำขนม และไอศกรีมเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว จึงได้ทดลองทำสินค้าตัวอย่าง (Product Sample) ให้กับญาติพี่น้อง และเพื่อนฝูง ทดลองในรสชาติ และปรับเปลี่ยนอยู่ประมาณครึ่งปี เพื่อให้เหมาะสม และถูกปากสำหรับคนไทยขึ้น

                       ช่วงแรกเริ่มจากการขายส่งก่อน ให้กับทางโรงแรม ร้านอาหาร อยู่ประมาณ 1 ปี แต่เนื่องจากสินค้าไม่มียี่ห้อ (Brand) ทำให้ขายได้ยาก และไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก จึงได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ (Strategy) มา เป็นการติดต่อเพื่อเปิดร้านในห้างสรรพสินค้า เนื่องจากมองว่าห้างมีคนเดินเยอะ พูดได้ว่าเกือบทุกห้างที่ติดต่อไป ซึ่งได้รับคำถามคล้ายๆ กันคือ เคยเปิดที่ไหนบ้างแล้วหรือยัง หรือบางที่ส่งสินค้าตัวอย่างให้ทดลองชิมก็แล้ว รสชาติก็อร่อย แต่พื้นที่ห้างเต็มก็ให้รอไปก่อน เป็นต้น
          
                                                 วิสัยทัศน์

                     ต้องการเป็นร้านไอศกรีม Home made ที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศ และส่งสิน ค้าออกไปต่างประเทศ  
                                           ลักษณะของธุรกิจ

                                  ธุรกิจไอศกรีม Home made ที่ปัจจุบันมีไอศกรีมกว่า 100 สูตร รวมถึงการเพิ่มสินค้าให้มีความหลากหลาย และครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ทั้ง เค้ก กาแฟ ชา และเครื่องดื่มรวมถึงร้านอาหารที่ชั้น 2 ของร้าน iberry ที่สยามสแควร์
               
กลยุทธ์และความสำเร็จ
-การสร้างตราสินค้า (Brand Image) iberry ให้แตกต่างจากไอศกรีมยี่ห้ออื่น             
-การสร้าง Product Differentiate ที่เป็นไอศกรีม Home made ทำจากส่วนผสมของผลไม้ประจำท้องถิ่น
-มีการออกแบบ Product Design และ Packaging ที่สอดคล้องกัน
-การตกแต่งร้านที่มีบรรยากาศดี น่านั่ง มี Style ดูทันสมัย
-มีการขยายสาขา หรือเปิดสาขาแบบเลือกสรร (Selective) ที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ ไม่เปิดสาขามากเกินไป เพราะอาจจะกระทบกับ Brand ได้
               
                                    160.gif
ร้านเบนแอนด์เจอร์รีส์ (Ben & Jerry's)
                    เบนแอนด์เจอร์รีส์(Ben & Jerry's) เป็นตราสินค้าของผลิตภัณฑ์






ความเห็น 3 | ผู้เข้าชม 7003

                   มีการพัฒนาให้เป็นไปในคอนเซปต์ห้องอาหารบรรยากาศสบายๆ ผลิตภัณฑ์หลักๆของ Swensen’s ยังคงเป็นไอศกรีมชั้นเยี่ยม โดยเฉพาะการทำซันเด ซันเดที่มีชื่อเสียงที่สุดเป็น Earthquake 8 ชั้น เวลาเสิร์ฟจะมีควันจากน้ำแข็งแห้งในแก้วด้วย ไอศกรีมอีกอย่างที่น่าดึงดูดคือ ไอศกรีม Coit Tower ได้แรงบันดาลใจจาก San Francisco Landmark และ Gold Rush ในวันบุกเบิกตะวันตกยุคเก่า                       
                     Swensen’s ยังได้พัฒนาความแปลกใหม่ที่ให้ลูกค้าเฉลิมฉลองกับเค้กไอศกรีมที่บ้าน ที่เต็มไปด้วยควันน้ำแข็งแห้งรักษาความเย็น ทำให้มีการพัฒนากล่องโฟมขึ้นมา เรียกกันว่า Swensen’s Cool Box ที่ทำให้เค้กไอศกรีมยังคงรูปและเย็นนาน 6 ชั่วโมง มีเค้กไอศกรีมสำหรับสั่งกลับบ้านให้เลือกถึง 34 แบบ Swensen’s ยังได้รับอนุญาตให้ใช้ตัวละครดิสนีย์ทำเป็นเค้กไอศกรีม ได้จับเอาตัวละครที่คุ้นเคยกันดีในลักษณะท่าทางในแบบที่มีชีวิตชีวาเหมือนต้นตำรับ 57 รูปแบบด้วยกัน มีทั้ง มิคกี้เมาส์, สโนวไวท์, ซินเดอเรลล่า, เจ้าหญิงนิทรา, วินนี่เดอะพูห์, ปลาน้อย ,นีโม, ลิโลและสติทช์, ดิอินเครดิเบิลส์ และชิคเก้นลิตเติ้ล