วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ไม่ถ่ายตอนเช้าจะเกิดอะไรขึ้น?

ไม่ถ่ายตอนเช้าจะเกิดอะไรขึ้น?


ในช่วงเวลา 05.00 – 07.00 น. เป็นเวลาของลำไส้ใหญ่ ถ้ายังไม่ยอมขับถ่ายอุจจาระแล้วปล่อยเวลาเลยมาถึง 07.00-09.00 น.ซึ่งเป็นเวลาของกระเพาะอาหารแล้วไม่ยอมกินข้าวเช้าอีก อุจจาระจากลำไส้ใหญ่ที่ไม่ขับถ่ายออก ก็จะถูกดูดซึมซ้ำอีกครั้ง ในอุจจาระเก่ามีแก๊สที่เสียแล้วเกิดจากการบูดเน่าโดยอุณหภูมิของร่างกายซึ่งมีความร้อนถึง 37 องศาตลอดเวลา ไม่เหมือนกับตู้เย็นที่เก็บได้นานกว่า เพราะฉะนั้น แก๊สพิษเหล่านี้จะถูกดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือด เลือดจึงไม่สะอาดถ้าเลือดที่ไม่สะอาดไหลไปเลี้ยงทุกส่วนของร่างกาย ไหลผ่านสมอง ถ้าเลือดที่ไหลไปเลี้ยงทุกส่วนของร่างกาย ไหลผ่านสมอง หัวใจ ปอด ม้าม ตับ ผิดหนัง ก็จะได้รับพิษจากแก๊สพิษด้วย

ก่อนเที่ยงถึงบ่าย ง่วงนอนเพราะเลือดไม่สะอาดไปเลี้ยงหัวใจ หัวใจก็จะอ่อนล้า ไม่สดชื่น

มีกลิ่นตัวกลิ่นปาก ก็มาจากเลือดไม่สะอาดไปเลี้ยงปอด ปอดก็จะขับออกทางผิวหนังและลมหายใจ ตัวเองไม่ค่อยได้กลิ่น แต่คนอื่นได้กลิ่น

ถ้าปล่อยไว้โดยไม่ขับถ่ายในช่วงเวลา 05.00-07.00 นาฬิกา นานเข้าเป็นระยะเวลาหลาย ๆ ปี เลือดที่ไม่สะอาดไหลผ่านไปเลี้ยงสมองและไม่ได้กินอาหารมื้อเช้าช่วงเวลา 07.00-09.00 นาฬิกา สมองก็จะไม่ได้รับสานอาหารที่เป็นประโยชน์ เมื่อแก่ตัวความจำก็จะเสื่อมเร็ว

- ปวดเข่าเมื่ออายุมากขึ้น เป็นริดสีดวงทวาร

วิธีแก้

พยายามขับถ่ายระหว่างเวลา 05.00-07.00 นาฬิกา ถ้าไม่ขับถ่ายควรกินขมิ้นซัน ช่วงเวลานี้เพื่อบริหารลำไส้ใหญ่ให้ทำงานควรกินข้าวเช้าทุกวันระหว่างเวลา 07.00-09.00 นาฬิกา

ความสำคัญของอาหารมื้อเช้า...

การไม่กินอาหารมื้อเช้า เป็นเหตุพื้นฐานที่ทำให้เกิดการเจ็บป่วยที่เรามองข้ามไป คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา ที่เคยปฏิบัติอยู่เป็นประจำไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย

อาหารมื้อเช้า เป็นอาหารมื้อที่สำคัญที่สุด ที่ร่างกายต้องการสารอาหารในช่วงเวลา 07.00-09.00 นาฬิกา ระหว่างเวลานี้สมองและใบหน้าของคนเรา ต้องการเลือดและออกซิเจน เป็นอาหารบำรุงส่งไปเลี้ยงสมอง ถ้าไม่กินข้าวเช้า ก็จะไม่มีเลือดมารับออกซิเจน ส่งขึ้นไปเลี้ยงสมอง เพราะสมองต้องการกรดอะมิโนไปบำรุงเซลล์ รวมถึงวิตามินบี 1, บี 6 และบี 12 มื้อเช้าถ้าไม่มีเวลาจริง ๆ ก็ควรกินสูตรโยเกิต + นมสด+ มะนาว และกล้วยน้ำว้า 1 ลูก



เกร็ดความรู้:

สารอาหารสามประเภทใหญ่ของร่างกาย

1. โปรตีน ควรมีปริมาณ 12% ของปริมาณแคลอรีทั้งหมดแหล่งที่มา เนื้อ ปลา นม ไข่ ไก่ เป็ด ธัญพืช จำพวกถั่ว ผลไม้แห้ง

2. ไขมัน ควรมีปริมาณเป็น 20%-30% ของปริมาณแคลอรี่ทั้งหมดแหล่งที่มา น้ำมันหมู น้ำมันวัว น้ำนมแพะ นม ไข่ น้ำมันถั่ว น้ำมันงา น้ำมันถั่วลิสง น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันเมล็ด ดอกทานตะวัน ถั่วลิสง งาวอลนัท

3. คาร์โบไฮเดรท ควรมีปริมาณ 55-65% ของปริมาณแคลอรี่ ทั้งหมดแหล่งที่มา ธัญพืช ถั่ว (ยกเว้นถั่วเหลือง) มัน ขนมหวาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น